PERSPECTIVE OF AEC – ปฏิรูปประเทศแบบ AEC

0
568

สภาปฏิรูปแห่งชาติกำลังจะเริ่มทำงานกันแล้วนะครับ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไทยเรา “ประกาศ” จะปฏิรูป เราปฏิรูปกันมาหลายครั้งหลายหน แต่ในอดีตทุกครั้งที่เราประกาศจะปฏิรูป เรามักจะเอาภาระการปฏิรูปไปให้กับ “คนบางกลุ่มบางพวก” ที่เรา “หลงเชื่อ” กันว่าคนเหล่านั้นน่าจะดีและเก่งพอที่จะปฏิรูปประเทศได้ แต่ผลปรากฎว่าประเทศไทยของเราไม่เคยปฏิรูปอะไรได้เลย

วันนี้สถานการณ์ของไทยเราไม่เหมือนกับในอดีตนะครับ เพราะไทยเราตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนแอเหลือเกิน 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากสภาพสังคมที่แตกแยกเป็นหมู่เป็นเหล่าแล้ว สภาพเศรษฐกิจเราก็เติบโตได้ต่ำมากๆ โตเฉลี่ยแค่ 2.9  เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่ประเทศใน AEC  ด้วยกันเขาโต 5,6,7 เปอร์เซ็นต์กันหมด วันนี้เราจะปฏิรูปแบบเดิมๆ ที่เคยพลาดกันมาไม่ได้อีกแล้วนะครับ

หลังจากศึกษาประเทศเพื่อนบ้านใน AEC ด้วยกัน ผมคิดว่าไทยเราจะปฏิรูปประเทศได้ผลก็ต่อเมื่อ เราต้องยอมรับ ความจริงกันเสียก่อนว่า 10 ปีที่ผ่านมาไทยเรามีพัฒนาการที่ถอยหลัง ลงทุกด้าน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม การบริหารจัดการภาครัฐ คอร์รัปชั่น ฯลฯ ที่สำคัญการถอยหลังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เป็นการถอยหลัง “อย่างแรง” เสียด้วย ไปดูสิครับ สิงคโปร์ มาเลเซีย แต่ก่อนสภาพและฐานะของ ประเทศเขาก็ไม่ได้ต่างอะไร จากเรา วันนี้เขาแซงเราไปหมดแล้ว ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงที่ว่าเรากำลังถอยหลัง อย่างแรง เราก็จะปฏิรูปอย่างใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไปซึ่งผมว่ามันจะไม่ทันการเอานะครับ

ต่อมาเราต้องหาสาเหตุให้เจอว่าอะไรทำให้ไทยเราเป็นเช่นนี้เสียก่อน บางคนโทษความแตกแยกทางการเมือง ว่าเป็นสาเหตุ แต่ผมว่านั่นเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้นนะครับ ยิ่งเรื่องเศรษฐกิจที่โตน้อย ส่งออกไม่โต นี่ผมว่า เราโทษเรื่องความแตกแยกทางการเมืองไม่ได้เลยนะครับเพราะ 10 ปีที่ผ่านทุกรัฐบาลมาต่าง แย่งกันเอาใจ ประชาชน ลดแลกแจกแถมอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากมาย

ผมวิเคราะห์ว่าที่เศรษฐกิจไทยถอยหลังอย่างแรงเป็นเพราะเราไม่มียุทธศาสตร์ประเทศที่ชัดเจน พอทิศทางการ พัฒนาประเทศไม่ชัดเจน การควบคุมดูแลการจัดทำงบประมาณก็ทำได้ไม่ดี มีการรั่วไหล คอร์รัปชั่นได้ง่าย

นักการเมืองก็เลยรวมหัวกับราชการและเอกชน มาเอางบประมาณไปลงทุนทำโครงการอะไรก็ได้ที่ได้ “เงินทอน” เร็วๆ โดยอ้างได้สบายๆว่าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ปลอมๆของประเทศ ไม่มีหน่วยงานไหนจะสามารถหรือกล้า มาค้านได้ว่าโครงการเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ก็เล่นเขียนกันไว้ซะกว้างจนออกทะเล ใครอยากทำโครงการอะไรก็สามารถเอามาอ้างได้ว่าสอดคล้องยุทธศาสตร์ประเทศได้หมดทุกโครงการ

นอกจากนี้ผมอยากให้ไทยเรายอมรับความจริงที่สำคัญที่สุดที่ว่า เราเขียนยุทธศาสตร์กันไม่เป็น ผมจึงอยากให้ สภาปฏิรูปแห่งชาติไปหยิบเอายุทธศาสตร์ ของประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียมาดูว่า เขาเขียนยุทธศาสตร์กัน อย่างไรประเทศเขาถึงได้พัฒนาไปได้เร็วกว่าเรา ทั้งๆ ที่ใน อดีตสองประเทศนี้ก็เจริญพอๆกับเรา อย่าพยายาม เขียนกันเองเลยครับเสียเวลาเปล่าๆ และอย่าให้สภาพัฒน์ฯมา เขียนด้วยเพราะสภาพัฒน์ฯก็เขียนไม่เป็นเหมือนกัน ส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาตินั้นก็ไม่น่าจะเขียนเป็นเหมือนกัน เพราะพอเห็นหน้าเห็นชื่อท่านๆที่อยู่ใน ปสช.  ผมก็นึก ออกได้ว่าท่านๆเหล่านั้นนั่นแหล่ะที่มีส่วนร่วม ในการเขียนยุทธศาสตร์แบบไทยๆกันคนละหลายรอบมาแล้ว

ผมว่าวันนี้ไทยเราหมดเวลาสำหรับการลองผิดลองถูกในการเขียนยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปประเทศแล้วครับ และหมดเวลาสำหรับข้ออ้างที่ว่าสังคมไทยเรามีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนประเทศอื่นๆ ในโลกต้องแก้ไขต้องปฏิรูปในแบบของเรา วิธีปฏิรูปที่ดีที่สุดและเร็วที่สุดสำหรับเมืองไทยในสถานการณ์แบบนี้ก็คือไปดูว่าประเทศอื่น เขาเขียนยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ กันอย่างไร แล้วหันมาถามตัวเองว่า เราจะทำอย่างเขา บ้างได้มั้ย? ถ้าทำไม่ได้ มันติดขัดอะไร? อุปสรรคที่ติดขัดนั้นต้องแก้ไขอย่างไร? ผมว่าถ้าถามคำถามเป็น ถามแค่นี้เราก็น่าจะปฏิรูปประเทศกันได้แล้ว

ผมอยากให้ไปศึกษารูปแบบการปฏิรูปประเทศของมาเลเซียที่เขาใช้ชื่อว่า ONE MALAYSIA ซึ่งเป็นการปฏิรูป ทั้งการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนและการปฏิรูปเศรษฐกิจ มาเลเซียเขาตั้ง หน่วยงานพิเศษขึ้นมาเพื่อติดตามเร่งรัดการปฏิรูปให้ได้ผลตามเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้ที่ชื่อ PEMANDU มีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งมาเป็น CEO คอยกำกับดูแล เมื่อปี พ.ศ. 2524 คนมาเลเซีย มีรายได้เฉลี่ยมากกว่าคนไทย 2,000 บาท แต่ด้วยการปฏิรูปประเทศสองรอบตามยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์2020  ของนายกฯ มหาเธร์และ ONE MALAYSIA  วันนี้คนมาเลเซียมีรายได้เฉลี่ยมากกว่าคนไทย 160,000 บาทและ กำลังจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทิ้งประเทศไทยให้ติดกับดักประเทศ กำลังพัฒนาต่อไป

นอกจากเรื่องการปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐซึ่งไทยเราควรไปดูยุทธศาสตร์ ONE MALAYSIA ว่าเขาเขียน อย่างไร กำหนด KPI กันอย่างไรแล้ว เราควรไปดูวิธีการเขียนยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ซึ่งผมว่า สามารถเอามา เป็นต้นแบบในการเขียนยุทธศาสตร์ของไทยเราได้สบายๆ มีไม่กี่หน้าแต่อ่านแล้วรู้ว่าประเทศจะเดินไปทางไหน เป้าหมายคืออะไร รัฐต้องทำอะไร? เอกชนต้องทำอะไร?

ส่วนเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชั่นนั้น แม้ว่าปปช.ของฮ่องกงที่ชื่อ ICAC จะเป็นต้นแบบของการปราบปราม คอร์รัปชั่น ทั่วโลก แต่ผมว่ายุทธศาสตร์การปราบคอร์รัปชั่นแบบ  ปปช.ของเกาหลีใต้ที่ชื่อ ACRC นั้นน่าจะ เหมาะสมกับเมืองไทยที่สุดเพราะรูปแบบการคอร์รัปชั่น ในเกาหลีใต้เป็นการบูรณาการการโกงในสังคมอุปถัมภ์ เหมือนไทยเรา ธุรกิจขนาดใหญ่ร่วมมือกับพรรคการเมืองและพรรคราชการเหมือนไทยเรา เพราะฉะนั้นการจะ ปราบคอร์รัปชั่นให้สำเร็จแบบฮ่องกงหรือสิงคโปร์ที่อาศัย ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของผู้นำในการปราบคอร์รัปชั่น นั้นเกาหลีใต้และไทยไม่น่าจะทำได้

ACRC ของเกาหลีใต้ ใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วยในการปราบปรามคอร์รัปชั่นและดูแลสิทธิพลเมืองอย่างได้ผลจน โลกยกย่อง ที่ปปช.เมืองไทยและกลุ่ม ACT พยายามจะเรียกร้องให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน เข้ามามีส่วนร่วมนั้นน่ะ ลองไปดูสิครับว่า ACRC เขาเอาระบบไอทีมาตอบโจทย์นี้อย่างไร ระบบคุ้มครองพยาน ระบบการจัดงบประมาณแบบประชาชนมี ส่วนร่วม เขาทำกันอย่างไร ไปดูเลยครับดูแล้วถามตัวเองว่าทำไมเรา แบบนี้ไม่ได้บ้าง

ส่วนรูปแบบการสืบสวนสอบสวนจับกุมและการตัดสินคดีคอร์รัปชั่น ผมขอให้ไปดูปปช.ของอินโดนีเซีย ที่ชื่อ KPK เพราะหลังๆมานี่เขาสามารถจับกุมและตัดสินลงโทษคนระดับประธานศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในระยะเวลา ปีเศษๆ เท่านั้นเอง ไปดูซิว่าอะไรที่ทำให้ ปปช.ของเราถึงทำงานเด็ดขาดและรวดเร็วอย่างเขาไม่ได้

ส่วนการปฏิรูปการจัดการเลือกตั้ง ผมขอให้ไปดูการทำงานของกกต.ของอินโดนีเซียที่ชื่อ KPU ไปดูว่าเขาจัด การเลือกตั้งกันอย่างไรถึงสามารถจัดการเลือกตั้งกับ 550,000 หน่วยเลือกตั้งใน 6,000 กว่าเกาะที่มีคนอาศัยอยู่กัน อย่างไรคนดีมีความสามารถจึงได้รับเลือกตั้ง ไปดูสิครับจะได้เห็นว่าเวลาองค์กรอิสระแบบ KPU ก็ต้องโดนตรวจสอบโดยหน่วยงานอื่นๆ ได้มันดีกว่าองค์อิสระที่เป็นเทพของบ้านเราอย่างไร ไปดูสิครับว่าระบบการนับคะแนนแบบคู่ขนาน หรือ Quick Count ของเขาช่วยป้องกันการโกงเลือกตั้งได้อย่างไร

นี่เป็นตัวอย่างการเขียนยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปประเทศที่ได้ผล ซึ่งทุกวันนี้ประเทศรอบๆ บ้านเราเขาทำได้ กันหมดแล้ว ถ้าเรายังหลอกตัวเองว่าเราไม่เหมือนใคร เราต้องปฏิรูปกันเอง ผมว่าเราจะยิ่งถอยหลังลงคลอง อย่าโง่แล้วหยิ่งเลยครับ ลอกการบ้านคนเก่งเถอะครับ ดีกว่าทำผิดซ้ำซาก คนที่จะตายก่อนคือประชาชนครับ ท่านๆ น่ะไม่ตายหรอก ดูบัญชีทรัพย์สินก็พอจะรู้ละ

[smartslider3 slider="9"]