PERSPECTIVE OF AEC – กัมปอตเมืองน่าเที่ยว

0
445

ฉบับนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวเมืองกัมปอตซึ่งคนไทยส่วนมากยังไม่ค่อยรู้จักเมืองนี้ ทั้งที่เมืองนี้มีของดี หลายอย่างที่เราไม่ควรพลาด

กัมปอตนั้นอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงพนมเปญห่างกันแค่ 148 กิโลเมตร นั่งเครื่องบินไปลงพนมเปญ นั่งรถต่ออีกแป๊บเดียวก็ถึง หรือถ้าจะขับรถมาเที่ยวออกจากเมืองไทยทางด้านจังหวัดตราด ขับไป 250 กิโลเมตร ก็จะถึงสีหนุวิลล์เมืองชายทะเลชื่อดัง แล้วขับต่อไปอีก 115 กิโลเมตร ขับสบายๆก็ราวๆ 5 ชั่วโมงเศษๆก็จะถึงครับ

กัมปอตมีพื้นที่ประมาณ 5,100 ตารางกิโลเมตรเศษๆ ใหญ่กว่ากรุงเทพของเราถึง 3 เท่า พื้นที่ของกัมปอตจะขนาบ ไปด้วยชายฝั่งทะเลและภูเขา อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร เหมาะแก่การลงทุนทั้งในด้านการประมง เกษตรอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว โดยเรื่องการท่องเที่ยวนั้น นอกจากจะมีทั้งอุทยานแห่งชาติ ภูเขา น้ำตก ตลาด และวัดวาอารามต่างๆแล้ว วันนี้กัมปอตกำลังเร่งสร้างท่าเรือท่องเที่ยวที่จะเชื่อมต่อไปยังเกาะฟุก๊วก เกาะยอดนิยมของประเทศเวียดนาม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากเกาะฟุก๊วกให้สามารถข้ามมาเที่ยวกัมปอต ได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงคาดกันว่าจากตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่าชาติที่มาเที่ยวที่นี่ปีหนึ่งๆเกือบ 1 ล้าน 5 แสนคน คงจะทะลุ 2 ล้านคนในไม่ช้า

ถ้ามาเที่ยวกัมปอตสิ่งที่ต้องห้ามพลาดเลยก็คือทุเรียนกัมปอตซึ่งออกเสียงเป็นภาษากัมพูชาว่า “ดุเรนกัมปอต” ซึ่ง

เอาทุเรียนพันธุ์ชะนีจากจันทบุรีของไทยไปปลูก แต่ด้วยสภาพภูมิอากาศที่อยู่ระหว่างภูเขาและทะเลของกัมปอต ทำให้ดินที่นี่อุดมสมบูรณ์ มีความแตกต่างจากอากาศและดินของจันทบุรี ทุเรียนชะนีของไทยที่มาปลูกที่กัมปอต จึงมีรสชาติเปลี่ยนไปจากเดิม แม้ดูจากลักษณะภายนอกจะหน้าตาเหมือนทุเรียนชะนีไทยก็ตาม ทุเรียนกัมปอตจะ มีรสชาติหวานแบบชะนีไทย พอทานไปสักพักรู้สึกถึงรสชาติของความมัน และเนื้อที่เนียนจนเป็นครีมออกแนว ทุเรียนก้านยาว และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทุเรียนกัมปอตคือรสชาติที่ค้างอยู่ในปากแม้ว่าจะกลืน ทุเรียนไปหมดแล้ว แต่เราก็จะยังรู้สึกได้ถึงความหวานมันและความเป็นครีมที่ยังค้างอยู่ในปาก เอาเป็นว่า คอทุเรียนต้องอย่าพลาดชิมนะครับ

แม้จะอร่อยเลิศแต่ทุเรียนกัมปอตราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่นะครับ ถ้าซื้อที่กัมปอตจะขายกันอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ     4 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 130 บาท แต่ถ้าไปซื้อที่กรุงพนมเปญ ราคาจะแพงขึ้นอีกเป็น เท่าตัวแต่ที่น่ากลัว ก็คือมีทุเนรียนกัมปอตปลอมเยอะ เพราะพ่อค้าบางคนเอาทุเรียนชะนีไปแปลงกายเป็นทุเรียนกัมปอต

อีกอย่างที่ต้องไม่พลาดเลยคือพริกไทยครับ แม้ว่าคนไทยเราจะภาคภูมิใจว่าพริกไทยจันทบุรีของเรานั้นเป็นยอด แต่ผมขอให้ลองไปชิมพริกไทยกัมปอตกันดูหน่อยนะครับ เพราะพริกไทยกัมปอต นั้นถือเป็นหนึ่งในสุดยอด พริกไทย ที่มีรสชาติที่หวานหอมเฉพาะตัว ไม่ได้มีแค่ความเผ็ดอย่างเดียวเหมือนกับพริกไทยทั่วไป ทำให้เชฟ ชื่อดังระดับโลกหลายรายในฝรั่งเศสและสหรัฐฯต้องเลือกใช้เฉพาะพริกไทยที่มาจากกัมปอตเท่านั้น

              ความจริงนั้นพริกไทยกัมปอตมีชื่อเสียงมานานหลายร้อยปี ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองกัมพูชา และได้มีการปลูกพริกไทยเพื่อส่งออกไปฝรั่งเศสตั้งแต่ตอนโน้น แต่พอเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในกัมพูชา พื้นที่ซึ่งเคยปลูกพริกไทย ก็ถูกเปลี่ยนมาปลูกข้าวหมด จนกระทั่งหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมือง ชาวสวนพริกไทย จึงได้กลับมาปลูกพริกไทยอีกครั้ง จนตอนนี้กัมปอตสามารถผลิตพริกไทยได้ประมาณ 20 ตันต่อปี

พริกไทยกัมปอตนั้นไม่ได้มีแค่พริกไทยดำและพริกไทยขาวเท่านั้น แต่เขายังมีพริกไทยแดงด้วย พริกไทยแดง กัมปอตเป็นพริกไทยที่กำลังสุกพอดีจึงมีสีแดง มีอยู่ 2 แบบคือแบบเมล็ด ที่จะให้ความหอมของกลิ่นผลไม้ และแบบฝักที่มีการพัฒนาพันธุ์ให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติที่ผสมผสานระหว่างผลเบอร์รี่แดง กระวานและ ลูกจันทร์เทศ ความพิเศษของพริกไทยแดงกัมปอต คือ ความหอมหวานที่ลงตัว เมื่อนำไปโรยบนขนมหรือ เครื่องดื่ม ก็จะทำให้หอมหวานยิ่งขึ้น หรือจะนำไปโรยบนสเต็ก เนื้อแกะ หรือเนื้อปลา ก็ช่วยชูรสชาติความ หอมอร่อยของอาหารจานนั้นได้เป็นอย่างดีเลย

ส่วนพริกไทยดำกัมปอตซึ่งเป็นพริกไทยที่สุกเต็มที่แล้ว จะมีกลิ่นหอมละมุนของดอกยูคาลิปตัสและ มิ้นท์ มีความเผ็ดติดปลายลิ้น ที่พริกไทยกัมปอตมีรสชาติดีและแตกต่างก็เพราะดินและอากาศที่ดีและแตกต่าง ของกัมปอตนั่นเอง แต่ที่น่าอะเมซิ่งก็คือวิธีการนำเสนอพริกไทยของเขาครับ เพราะเขาแสดงให้คนซื้อเห็นว่า เขาได้ใส่ใจในระดับสูงสุดกับการปลูก การดูแล การเก็บไปจนถึงขั้นตอนการคัดเมล็ด ซึ่งใช้คนนั่งคัดทีละเมล็ดๆ ซึ่งอย่าว่าแต่เศษผงฝุ่นเลยนะครับ กระทั่งพริกไทยเมล็ดที่สุกไม่ดีหรือไม่สวยก็จะถูกคัดออก ด้วยความใส่ใจระดับ สุดยอดและด้วยกลิ่นรสที่แตกต่างของพริกไทยกัมปอตนี่ ถ้าเป็นพริกไทยแดงกัมปอตนี่ขายกันกิโลกรัมละ 4,000 บาทเลยทีเดียวนะครับ ส่วนพริกไทยดำก็ขายกันถึงกิโลกรัมละ 1,300 – 1,500 บาทเลยทีเดียว

ส่วนพริกไทยอ่อนกัมปอตนั้นแม้ราคาจะไม่แพงเท่าไหร่แต่รสชาติดีเลยนะครับ ถ้าแวะเข้าร้านอาหารไหนแล้ว ในเมนูมีอาหารประเภทผัดกับพริกไทยอ่อนแล้วล่ะก็ ต้องสั่งเลยนะครับ ที่ผมติดใจมากเห็นจะเป็นปลาหมึกสด ผัดพริกไทยอ่อนกัมปอตครับ

ไม่ฉพาะพริกไทยเท่านั้นนะครับที่กัมปอตเขาสร้างแบรนด์จนขายได้ราคาดี แม้กระทั่งน้ำตาลมะพร้าวและ ดอกเกลือธรรมดาๆเขาก็สร้างเรื่องราวหรือสตอรี่จนขายได้ราคาดีมากๆเลยทีเดียว

ถ้าสนใจมาเที่ยวกัมปอต ผมแนะนำให้ค้างคืนที่กัมปอตซักคืนนะครับ เพราะตอนเช้ามืดผมอยากให้ไปนั่งเรือ

ล่องไปตามแม่น้ำกัมปอตออกไปสู่ปากทะเลเพื่อรอชมความงามของพระอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นน้ำ รับรองว่า งามเหมือนภาพวาดเลยทีเดียว นอกจากจะงามแล้วแม่น้ำกัมปอตนั้นยังเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาว กัมปอตอีกด้วย เพราะกัมปอตนี่เป็นแหล่งสำคัญในการจับสัตว์ทะเลเพื่อส่งไปเลี้ยงคนกรุงพนมเปญและสีหนุวิลล์ เลยทีเดียวนะครับ 

ตอนเช้าที่เราล่องเรือออกไปสู่ปากทะเล เราจะเห็นเรือประมงลำเล็กๆแล่นสวนทางกับเราเพราะชาวประมง พื้นบ้านเหล่านี้กำลังกลับจากการออกเรือไปจับสัตว์ทะเลตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พอเราล่องเรือชมพระอาทิตย์ จนชื่นใจแล้ว ขากลับก็ต้องแวะท่าเรือของชาวประมงเขานะครับ เพราะที่ท่าเรือนี้ชาวบ้าน เขาจะเอากุ้งหอยปูปลา สดๆมาขายในราคาที่ถูกแสนถูก เช่น กุ้งตัวใหญ่ๆเป็นๆ ราคาตกกิโลกรัมละประมาณ 400 บาทเท่านั้นเอง

แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือจะมีสัตว์ทะเลหลายอย่างที่หาทานได้ยากแล้วในบ้านเรา เช่น หอยตาล หรือ ขะจองทโนดในภาษากัมพูชา ที่เขาเรียกว่าหอยตาลเพราะขนาดของมันเท่าๆกับผลตาล ขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 กว่าบาท หรือหอยมะพร้าวหรือขะจองโดงในภาษากัมพูชา ที่เรียกหอยมะพร้าวก็เพราะถ้าเอาหอยมะพร้าว สองตัวมาประกบกันขนาดจะเท่ากับลูกมะพร้าวเลย หอยมะพร้าวนี่ขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 กว่าบาท หอยทั้งสองแบบนี้เอาไปลวกแล้วทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดแซ่บๆ อร่อยเลยครับ ส่วนที่ผมชอบมากที่สุดคือปลากระบาง ที่มีหน้าตาเหมือนปลากระเบนตัวน้อยน้อย  หาเลือกซื้อกันสดๆเป็นๆแล้วเอาไปย่างหอมๆ ทานกับน้ำจิ้ม ทานเสร็จต้องร้องเป็นภาษากัมพูชาว่า “ชะงันนะ” หรือ “อร่อยมาก” กันเลยทีเดียว

ลองวางแผนไปเที่ยวกันดูนะครับกัมปอตอยู่ใกล้แค่นี้เอง

[smartslider3 slider="9"]