Amazing AEC – ปีนี้ใครจะรอดใครจะร่วง? (2)

0
601


อาทิตย์ที่แล้วผมเขียนถึงอนาคตของประเทศในเออีซีไปแล้ว 5 ประเทศคือบรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ วันนี้ขอเขียนถึงอีกสองประเทศที่น่าสนใจมากก่อนนะครับ
เริ่มกันที่ สปป.ลาว ซึ่งในช่วงปี 2554 ถึง 2558 เศรษฐกิจเติบโตได้สูงสุดในกลุ่มที่อัตราเฉลี่ย 7.7 เปอร์เซ็นต์ และแม้ว่า ในช่วง 2559 จนถึง 2563 เศรษฐกิจสปป.ลาวจะชะลอการเติบโตลงเหลือ 7.3 เปอร์เซ็นต์แต่ก็ยังจะเป็นการเติบโตที่สูงมาก และสูงเป็นอันดับสองของเออีซี เติบโตพอๆ กับกัมพูชาแต่เป็นรองเมียนมา ทำเอาหลายคนที่เคยมองว่าจุดอ่อนของสปป. ลาวที่มีขนาดตลาดเล็กเพราะมีประชากรน้อยเพียง 7 ล้านคนต้องหันกลับมามองใหม่ ที่เศรษฐกิจสปป.ลาวเติบโตได้ต่อ เนื่องนั้นเป็นเพราะรัฐบาลมีแนวทางชัดเจนในการขับเคลื่อนประเทศไม่ว่าการจะเป็นแบตเตอรี่ของเอเชีย การใช้เขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งทำได้ดีและล้ำหน้าไทยไปแล้ว คาดกันว่าภายในปี 2563 สปป.ลาวน่าจะหลุดพ้นจากความเป็นประเทศ ยากจน
แต่ที่น่าอะเมซิ่งที่สุดสำหรับผมก็คือแม้ว่าประเทศนี้จะบริหารด้วยพรรคประชาชนปฎิวัติลาวซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในรูปแบบของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อถึงเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นแล้วปรากฎว่าพรรคประชาชนปฎิวัติ ลาวกลับไม่ปล่อยให้ผู้บริหารระดับสูงของประเทศที่คอร์รัปชั่นรอดไปได้ ทั้งๆที่ไม่มีประชาชนหรือสื่อมวลชนรายใดกล้า ขุดคุ้ย การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเป็นการลงดาบของพรรคฯที่คนในประเทศส่งเสียงชื่นชม ที่น่าสนใจก็คือเขา ไม่ได้ลงดาบเฉพาะตัวอดีตนายกฯแต่ลงดาบรัฐมนตรีมือสกปรกอีกบางคน แถมยังไล่ล่าวงศาคณาญาติคนพวกนี้ที่มีส่วน ร่วมในการโกงกินอีกด้วย ทั้งหมดนี้ส่งผลให้คะแนนภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของสปป.ลาวกระโดดเพิ่มขึ้นอีก 5 คะแนนเป็น 30 คะแนนและอันดับดีขึ้นถึง 16 ตำแหน่งเป็นอันดับที่ 123
เหตุการณ์แบบเดียวกันก็เกิดขึ้นในเวียดนามประเทศที่ปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพรรคประชาชนปฎิวัติลาวและพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะการเปลี่ยนตัวนายกฯครั้งล่าสุดก็ด้วยเหตุผลของการคอร์รัปชั่นนั่นเอง ปรับ เปลี่ยนออกไม่พอยังตามไล่ล่าพรรคพวกที่มาร่วมโกงด้วยเหมือนๆกับที่ สปป.ลาวทำ คะแนนภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของ เวียดนามก็เลยขยับเพิ่มขึ้นอีก 2 คะแนนมาอยู่ที่ 33 คะแนนตามหลังไทยเพียง 2 คะแนนเท่านั้นเอง
ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้นแม้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในช่วง 2554 ถึง 2558 เวียดนามจะโตเฉลี่ยแค่ 5.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ในระยะ 5 ปีข้างหน้าคาดว่าเวียดนามจะโตต่อเนื่องได้ดีขึ้นที่อัตราเฉลี่ย 6 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในปีนี้คาดกันว่าเวียดนามน่าจะโต ได้ราวๆ 6.3 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว การมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน การส่งเสริมการลงทุนที่ชาญฉลาดที่ เลือกเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทคที่โลกต้องการ และอุตสาหกรรมสีเขียว ความสำเร็จของการปฎิรูปการศึกษาที่ทำให้เด็ก เวียดนามฉลาดติดท็อปเทนของโลก รวมถึงขนาดของตลาดที่มีประชากร 95 ล้านคน ทำให้เวียดนามเจริญไล่ตามไทยเรา มาได้ติดๆ ลองไปดูสิครับบางเมืองบางเขตในเวียดนามที่เขาสร้างใหม่นั้นเจริญอย่างน่าอะเมซิ่ง


เวียดนามนั้นเป็นประเทศที่เรียนรู้เร็ว อะไรที่สิงคโปร์ทำแล้วได้ผลเขาก็ทำตาม แถมยังได้สิงคโปร์มาช่วยวางแผนช่วย ลงทุนทำให้เวียดนามกลายเป็นเสือติดปีก และด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย อะไรที่ไทยทำดีเวียดนามเขาก็มอง แล้วก็ทำตาม แต่ถ้าอะไรที่ไทยเราทำแล้วผิดพลาดเวียดนามเขาก็เห็นและไม่ทำซ้ำหรือทำให้ต่างออกไป
และเพราะทั้งสปป.ลาวและเวียดนามยังปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนๆกับจีน ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ทั้งสาม ประเทศมีการประสานงานกันอย่างแนบแน่น เท่ากับว่าสองประเทศนี้มีจีนซึ่งมีพลังมากมายมหาศาลเป็นพี่เลี้ยงใหญ่ช่วย เอาเงินมาลงทุนและช่วยคัดท้ายหางเสือประเทศอย่างน่าสนใจ
สรุปว่าสองประเทศนี้รอดแล้ว อาทิตย์หน้ามาดูกันว่ากัมพูชาและเมียนมาจะรอดหรือไม่นะครับ

[smartslider3 slider="9"]