Amazing AEC – ประธานาธิบดีคนใหม่เมียนมา

0
521



คึกคักเหลือเกินครับสำหรับการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คาดกันว่าผู้มาใช้สิทธิน่าจะเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่เคยออกมาใช้สิทธิกันราว 60 เปอร์เซ็นต์เศษในอดีต แต่กว่าจะทราบผลเลือกตั้งที่เป็นทางการได้นั้นก็คงต้องอีกหลายวันครับ

ตัวเลขสำคัญหรือแมจิกนัมเบอร์ที่พรรค NLD ของ ด่อว์อองซานซูจิ ต้องการคือ 332 นะครับ ตัวเลขคือครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสภาแห่งชาติและสภาผู้แทนราษฎรที่รวมกันทั้งหมดมี 664 คน ดูเผินๆ ก็เหมือนว่าพรรค NLD จะเอาชนะได้ไม่อยาก แต่ในความเป็นจริงใน 664 คนนี้กองทัพมีสิทธิแต่งตั้ง 25 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจำนวนเก้าอี้ที่มีการแข่งขันเลือกตั้งจริงๆ จึงมีแค่ 498 ที่นั่ง พรรค NLD จึงต้องชนะ 332 ที่นั่งจาก 498 ที่นั่ง หรือต้องชนะ 2 ใน 3 ของที่นั่งที่มีการเลือกตั้งนั่นเอง ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะรู้อย่างเป็นทางการแล้วว่าอย่างไร
สภาชุดปัจจุบันของเมียนมาจะหมดอายุในปีหน้าคือวันที่ 30 มกราคม เมื่อนั้นแหล่ะครับที่สภาชุดใหม่จะได้เริ่มทำงานและเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ขั้นตอนการเลือกเป็นดังนี้ครับ คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง 330 คน มีสิทธิเสนอรายชื่อว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ได้ 1 คน เท่ากับที่สมาชิกสภาแห่งชาติที่มาจากการเลือกตั้ง 168 คน ส่วนสมาชิกทั้งสองสายที่ทหารแต่งตั้งเข้ามาก็จะมีสิทธิเสนอผู้เข้าประกวดได้อีก 1 คน รวมแล้วจะมีผู้เข้าประกวด 3 คน
หลังจากนั้นสมาชิกทั้งสองสภาซึ่งมีทั้งหมด 664 คน (ซึ่งอาจจะมีไม่ครบเพราะมีบางเขตยังไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง เพราะความไม่สงบ) จะได้ลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีจาก 3 คนข้างต้น คนที่ได้คะแนนสูงสุดก็จะได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนอีกสองคนก็จะได้เป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งแมจิกนัมเบอร์ที่เกินครึ่งสภาที่พรรค NLD ต้องการจึงเป็น 332 นั่นเอง
ถ้าเสียงพรรค NLD ได้ไม่เกิน 332 พรรคชาติพันธุ์ที่เคยได้ที่นั่งราวๆ 15 เปอร์เซ็นต์จะเป็นพรรคชี้ขาด เพราะถ้าพรรคชาติพันธุ์ (ซึ่งมีหลายพรรค) เข้าร่วมกับพรรคไหน พรรคนั้นก็น่าจะเป็นพรรคเสียงข้างมากและส่งคนของตัวเอง มาเป็นประธานาธิบดีได้
ตัวแทนที่คาดกันว่าพรรค NLD จะส่งเข้าประกวดมีหลายคน แต่ผมว่าคนที่มีลุ้นมากที่สุดคือ อู เหงี่ยน วิน ( U Nyan Win) โฆษกพรรค อายุ 73 ซึ่งเคยเป็นอัยการเก่า ปัจจุบันทำหน้าที่นักกฎหมายว่าความช่วย ด่อว์อองซานซูจิ และสมาชิกพรรค NLD มาโดยตลอด ส่วน อู ติ่น อู (U Tin Oo) ซึ่งเป็นรองประธานพรรคนั้นผมว่าอายุ 89 ปีของเขาเป็นอุปสรรค ขณะที่อู วิน เทน (U Win Htein) ซึ่งมีอายุ 74 ปีก็มีปัญหาสุขภาพ ส่วน อู ฉ่วย มาน (U Shew Mann) อดีตประธานพรรค USDP และประธานสภาฯ ที่โดนพรรค USDP ปลดกะทันหันเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเพราะเขาไปแสดงท่าที อยากจะเป็นประธานาธิบดีเสียเอง แล้วจะส่งไม้ต่อให้ ด่อว์อองซานซูจิ หลังแก้รัฐธรรมนูญเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของ ด่อว์อองซานซูจิ เรียบร้อย ผมว่าหลังจากเขาถูกปลด บารมีก็หมดแล้ว
ตัวแทนของพรรค USDP คงหนีไม่พ้นประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือ อู เต็ง เส่ง (U Thein Sien) ซึ่งปัจจุบันอายุก็ย่างเข้า 70 แล้ว จึงมีการคาดการณ์กันว่าเมื่อ อู เต็ง เส่ง ต้องลงจากตำแหน่งเพราะอายุและปัญหาสุขภาพ เขาจะส่งไม้ต่อให้กับ อู เท่ อู (U Htay Oo) คนสนิทของเขาเองซึ่งปัจจุบันรับตำแหน่งเป็นประธานพรรคแทน อู ฉ่วย มาน ที่โดนปลดไป คนนี้ผมว่ามีสิทธิ์มากกว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนปัจจุบัน อู มิน อ่อง หล่าย (U Min Aung Hliaing) ซึ่งยังอายุน้อยอยู่คือ เพียง 59 ปี เท่านั้นเอง แต่ถ้า อู มิน อ่อง หล่าย พลิกล็อกได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีล่ะก็กองทัพไทยคงทำงาน ร่วมกับเมียนมาได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพราะเขาสนิทกับทหารใหญ่ในไทยหลายคน ที่สำคัญเขายังเคารพนับถือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นอย่างยิ่งถึงกับขอเป็นบุตรบุญธรรมเลยทีเดียว

[smartslider3 slider="9"]