AEC for Happy Family : มหัศจรรย์ตู้เจียงเยี่ยน

0
388
AEC for Happy Family : มหัศจรรย์ตู้เจียงเยี่ยน

AEC for Happy Family กับเกษมสันต์ / กันยายน 2558

มหัศจรรย์ตู้เจียงเยี่ยน

คุณแม่คุณพ่อเคยรู้จักเมืองที่ชื่อตู้เจียงเยี่ยนในประเทศจีนมั้ยครับ? คงจะไม่รู้จักกันใช่มั้ยครับ ผมเองก็ต้องสารภาพ กันตรงๆว่าๆม่เคยรู้จักเมืองนี้มาก่อน จนกระทั่งได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองนี้มา ได้เจอความมหัศจรรย์ของเมืองนี้ จนต้องนำมาเขียนให้คุณแม่คุณพ่ออ่านกันครับ

คนไทยส่วนใหญ่จะเคยได้ยินชื่อมณฑลเสฉวน บางคนอาจเคยไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกวซึ่งอยู่ในมณฑลนี้ บางคนอาจเคยไป เที่ยวเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลที่คนจีนเขาก็ไปเที่ยวกันเยอะเพราะเขาบอกว่าเฉิงตูเป็นเมืองที่ใครมาเที่ยวแล้วจะไม่อยาก กลับ แต่สำหรับ “ตู้เจียงเยี่ยน” แล้วเหนือกว่านั้นอีก เพราะคนจีนเขาบอกว่า “เกิดมาแล้วในชีวิตหนึ่งนั้นต้องหาทางมา เที่ยวตู้เจียงเยี่ยนให้จงได้” ได้ยินขนาดนี้แล้วนักเดินทางอย่างผมก็ต้องรีบหาทางไปตู้เจียงเยี่ยนแล้วล่ะครับ

ตู้เจียงเยี่ยนเป็นเมืองที่อยู่ในมณฑลเสฉวน ห่างจากนครเฉิงตูเมืองเอกของมณฑลราวๆ 50 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับ

การเดินทางไปนั้นก็ง่าย เพียงเราบินจากตรงจาก เมืองไทยไปลงเฉิงตูซึ่งมีหลายสายการบินที่บินตรงและนั่งรถต่ออีก สี่สิบนาทีเศษๆก็ถึงแล้วครับ

คุณแม่คุณพ่อที่ไม่อยากมาพาลูกรักไปเที่ยวเมืองจีนเพราะเคยได้ยินว่ามาว่าเมืองจีนสกปรก ห้องน้ำไม่สะอาดนั้น อย่ากังวลนะครับเพราะมรฑลเสฉวนนั้นได้ชื่อว่าเป็นมณฑลที่สะอาดเป็นที่สองของประเทศเลยทีเดียว ดังนั้นทั้ง เมืองเฉิงตูและเมืองตู้เจียงเยี่ยนจึงเป็นเมืองที่สะอาดมาก สะอาดกว่ากรุงเทพของเราเยอะ ถนนหนทางดูสะอาดสะอ้าน มองไปทางไหนก็มักจะเห็นคนทำความสะอากถนนคอยเอาที่คีบขยะ ลักษณะคล้ายๆที่คีบน้ำแข็งขนาดยักษ์คอยคีบ ขยะทิ้งเสมอ ส่วนห้องน้ำนั้นถ้าเป็นตามสถานที่ท่องเที่ยวดีๆหรือโรงแรม ร้านอาหาร รับรองว่าสะอาดสอ้านเข้าได้ สบายใจครับ

พอเข้ามาถึงเมืองตู้เจียงเยี่ยนสิ่งที่สะดุดตาอันแรกก็คือรูปปั้นม้าทองคำเหยียบลูกโลกตั้งอยู่บนน้ำตกจำลองขนาดใหญ่อยู่ กลางเมืองเลยครับ เมืองที่มีสิทธิ์จะมีรูปปั้นแบบนี้ได้นั้นจะต้องเป็นเมืองที่รัฐบาลจีนรับรองว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นยอด เท่านั้นนะครับ คนจีนเขาบอกว่าเมื่อมาตู้เจียงเยี่ยนต้องมาทำสามอย่างด้วยกันคือ หนึ่งมาว่ายน้ำที่นี่แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้มาว่ายน้ำกันจริงๆหรอก นะครับ แต่เขาพูดแบบนั้นเพราะเขาต้องการจะบอกว่ามาที่นี่ต้องมาดูการเขื่อนที่นี่ สองต้องไปขึ้นเขาชิงเฉิง ซึ่งเป็นเขาต้นกำเนิดของลัทธิเต๋า และสามต้องไปดูศูนย์อนุรักษ์แพนด้าซึ่งหลินปิง แพนด้าที่ คนไทยเรารักก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่ครับ

ศูนย์อนุรักษ์แพนด้าในเมืองจีนมีอยู่สองสามที่นะครับ เมื่อพาลูกรักมาเที่ยวที่นี่ ลูกรักจะได้เห็นแพนด้าพันธุ์เล็กตัวสีน้ำตาล ดูแล้วคล้ายแมวมากกว่าแพนด้า แปลกตาดีครับ ผมมาที่ศูนย์นี้จึงได้รู้ว่าแพนด้านั้นเป็นสัตว์ที่ชอบความสันโดษชอบอยู่ ตัวเดียว ดังนั้นเมื่อแพนด้าอายุได้สองขวบทางศูนย์ฯเขาก็จะแยกแพนด้าแต่ละตัวให้ออกมาอาศัยอยู่ตัว(คน)เดียว โดยทาง ศูนย์ฯเขาจะสร้างบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆให้แพนด้าแต่ละตัว ในบ้านนั้นแน่นอนครับจะต้องติดแอร์ให้เย็นฉ่ำเพราะแพนด้า นั้นชอบอากาศเย็นๆ บ้านแต่ละหลังจะมีรั้วรอบขอบชิดและมีพื้นที่หลังบ้านซึ่งกว้างขวางพอที่จะให้แพนด้าออกมาเดินเล่น ยื้ดเส้นยืดสายในตอนที่แดดไม่ร้อนจัดเกินไป

ส่วนภูเขาชิงเฉิน ซึ่งเป็นจ้นกำเนิดของลัทธิเต๋าที่คนจีนเขายึดมั่นนั้น คนจีนเขาบอกว่าจะหาภูเขาไหนที่จะสงบร่มรื่นเท่า กับภูเขาแห่งนี้ไม่มีอีกแล้ว ซึ่งผมก็ว่าร่มรื่นจริง เพราะพอเข้าไปในเขตเขาผมรู้สึกได้ถึงความเย็นและโอโซนซึ่งรู้สึกได้ว่า มีมากกว่าปรกติ แต่เรื่องความสงบนั้นผมไม่ค่อยรู้สึกเพราะมีคนจีนมาเที่ยวเขาชิงเฉิงนี้เยอะเหลือเกิน เพราะนอกจากจะ เป็นต้นกำเนิดของลัทธิเต๋าแล้ว บนยอดเขายังมีวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย แม้ว่าการขึ้นเขานั้นจะมีกระเช้าไฟฟ้า ขนาดใหญ่พาขึ้นไปแต่คุณแม่คุณพ่อก็ต้องเดินขึ้นเขาในระยะที่พอสมควรทีเดียวนะครับ ต้องมีร่างกายที่แข็งแรงในระดับ หนึ่งเลยทีเดียว ถ้าลูกยังเล็กหรือถ้าคุณตาคุณยายจะไปด้วยก็ต้องเตรียมตัวให้ดีหน่อยนะครับ

ผมเองไปแล้วชอบเขาชิงเฉิงมากเพราะต้นไม้เยอะมากแต่ละต้นเก่าแก่ ไม่เคยเห็นมาก่อน เข้าไปแล้วอยากค่อยๆเดิน ค่อยๆนั่ง อยากอยู่ทั้งวันและอยากนั่งศึกษาความเป็นลัทธิเต๋าแบบลึกๆ คราวหน้าคงต้องไปอีกและต้องอยู่นานๆอย่าง แน่นอน แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้จากขึ้นเขานี้สั้นๆก็คือเมื่อจีนเขาบุกด้านการท่องเที่ยว เขาบุกหนักก็จริงแต่เขายังสามารถจัดการ ด้านการอนุรักษ์ได้อย่างดี อย่างเรื่องกระเช้าไฟฟ้าที่เขาสร้างนี่เขาก็สร้างได้กลมกลืนกับธรรมชาติได้ดีมาก แม้กระทั่งเรือที่ นักท่องเที่ยวข้ามทะเลสาบไปขึ้นเขานั้น ก็ใช้รอกไฟฟ้าเป็นตัวดึงเรือข้ามทะเลสาบไปมา ไม่ใช้เรือที่ใช้เครื่องยนต์เพราะ ไม่อยากให้เศษน้ำมันเครื่องและควันจากเครื่องยนต์รบกวนสภาพแวดล้อม ดูสิครับจีนเขาคิดกันได้ขนาดนี้แล้วนะครับ

ส่วนที่เป็นจุดเด่นมากๆของเมืองนี้คือเขื่อนครับแต่เขื่อนของตู้เจียงเยี่ยนนี่น่าอะเมซิ่งตรงที่เป็นเขื่อนที่จัดสรรปันน้ำได้ดี เยี่ยม โดยไม่ต้องสร้างเป็นเขื่อนคอนกรีตกั้นขวางทางน้ำเหมือนเขื่อนที่เราคุนเคยกันทั่วไปครับ ในอดีตบริเวณตู้เจียงเยี่ยน และเฉิงตูนั้น บริเวณไหนที่มีน้ำก็น้ำเยอะจนท่วมบ่อยๆ ส่วนบริเวณไหนที่น้ำไปไม่ถึงก็จะแห้งแล้งจนทำมาหากินไม่ได้ จนกระทั่งสองพันกว่าปีที่แล้วที่มีพ่อเมืองชื่อหลี่ปิงที่มีสติปัญญาล้ำเกินคนทั่วไป

สิ่งแรกที่หลี่ปิงทำก็คือเขาแบ่งแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากออกเป็นสองสายด้วยการเอาก้อนหินมาใส่ชะลอมไม้ไผ่ยาวสัก สองเมตรเศษมาสร้างเป็นเกาะเป็นรูปสามเหลี่ยมไว้ที่กลางแม่น้ำ เพื่อเบี่ยงเบนกระแสน้ำให้ออกเป็นสองสายคือแม่น้ำ สายในและแม่น้ำสายนอก โดยให้แม่น้ำสายในไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงเมืองตู้เจียงเยี่ยนส่วนแม่น้ำสายนอกก็จะไหลไป หล่อเลี้ยงส่วนอื่นๆของมณฑล ในส่วนนี้เขาเรียกว่า “อวี๋จุ่ย” หรือปากปลาเพราะมีลักษณะปลายแหลมเป็นสามเหลี่ยม คล้ายปากปลา แต่ในการที่จะชักนำแม่น้ำสายในให้ไหลเข้าสู่เมืองได้นั้นจำเป็นจะต้องเจาะทะลุภูเขา ซึ่งเมื่อสองพันปีกว่า ที่แล้วยังไม่มีดินระเบิดและเครื่องจักรที่จะช่วยขุดเจาะภูเขาให้ทะลุไปได้ หลี่ปิงจึงได้ให้เอาต้นไม้แถวๆนั้นมาจุดไฟ แล้วเอาไปเผาภูเขาเมื่อร้อนได้ที่ก็เอาน้ำเย็นๆจากแม่น้ำนั่นแหล่ะมาราด เมื่อหินเจอทั้งความร้อนและความเย็นก็จะแตกออก หลี่ปิงและชาวบ้านจึงสามารถขุดจนภูเขาแยกออกเป็นทางให้น้ำไหลผ่านได้ ส่วนนี้เป็นส่วนสุดท้ายในการควบคุมน้ำซึ่ง เรียกว่า “คอขวด” หรือภาษาจีนเรียกว่า “เป่าหมินโข่ว”

ระหว่างปากปลากับคอขวดนั้นหลี่ปิงก็ได้ทำ “สปิลล์เวย์” ที่ภาษาจีนเรียกว่า “เฟยซาเยี่ยน” เอาไว้อีก ด้วยการขุดจนแม่น้ำ สายในนั้นให้ต่ำกว่าแม่น้ำสายนอก ในหน้าแล้งน้ำน้อย น้ำส่วนมากก็จะไหลตามแม่น้ำสายในเข้าหล่อเลี้ยงเมือง ส่วนใน หน้าน้ำน้ำจะเยอะมากแต่เมื่อน้ำจำนวนมากต้องไหลผ่าน “คอขวด” น้ำจะไหลไปได้ไม่เร็วมากนักเพราะติดคอขวด น้ำก็จะเกิดการล้นเอ่อขึ้นจนล้นสปิลล์เวย์แล้วไหลย้อนออกไปทางแม่น้ำสายนอกอีกที ดังนั้นในหน้าน้ำ น้ำส่วนมาก ก็จะไหลมาเอ่อล้นตรงคอขวดแล้วไหลออกไปทางแม่น้ำสายนอกไม่ไหลเข้ามาท่วมเมืองเหมือนเดิม

ถึงตรงนี้อาจจะดูเหมือนเรื่องนี้ทำได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วการจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จนั้นไม่ง่ายเลยนะครับ เพราะ แม่น้ำหมินเจียงที่หลี่ปิงไปสร้าง “เขื่อนตู้เจียงเยี่ยน” เขื่อนที่ไม่ใช่เขื่อนคอนกรีตกั้นน้ำไว้บริหารปริมาณน้ำนั้นไหลเชี่ยว กรากตลอดทั้งปี ผมรับรองว่าคุณแม่คุณพ่อถ้าไปไปเห็นแม่น้ำนี้ต้องตกใจในความเชี่ยวกรากของแม่น้ำนี้แน่นอน ไม่กี่ สิบปีที่ผ่านมาเคยมีวิศวกรชาวรัสเซียเคยพยายามมาสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำนี้ตรงบริเวณเดียวกับเขื่อนตู้เจียงเยี่ยน ผลปรากฎ ว่าสร้างไปได้นิดเดียวความเชี่ยวกรากของแม่น้ำนี้ก็ซัดเขื่อนคอนกรีตพังทลายซะจนเหลือแต่ซากให้คนออกแบบได้อับอายจนถึงทุกวันนี้ ด้วยสติปัญญาของหลี่ปิงที่สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ด้วยแนวคิด ปากปลา สปิลล์เวย์และคอขวดนั้นเลย ทำให้มณฑลเสฉวนมีน้ำใช้ในปริมาณพอดีๆอย่างทั่วถึง จนกลายเป็นมณฑลที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของประเทศจีน ชื่อเมืองเอกของมณฑล “เฉิงตู” ซึ่งแปลว่าค่อยๆกลายเป็นเมืองนี้ก็ได้อานิสงส์มาจากเขื่อนตู้เจียงเยี่ยนนี้เองเพราะได้เปลี่ยน พื้นที่ซึ่งเดี๋ยวน้ำท่วมเดี๋ยวแห้งแล้งให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีน้ำใช้อย่างพอดีๆตลอดทั้งปี ผู้คนก็เลยเข้ามาอยู่อาศัยจนค่อยๆ กลายเป็นเมืองสมดังชื่อ “เฉิงตู” ส่วนบริเวณใต้เขื่อนตู้เจียงเยี่ยนเขาก็สร้างแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้คนมาเดินเล่น ทานอาหาร ช็อปปิ้งอย่างสวยงามจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองในปัจจุบัน

ไปตู้เจียงเยี่ยนเที่ยวนี้ของผมเลยคุ้มแสนจะคุ้มเพราะนอกจากจะได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวระดับสุดยอดของจีนแล้วยังได้ไป เรียนรู้สติปัญญาของคนจีนในยุคสมัยก่อนที่ฉลาดล้ำเกินกว่าคนยุคสมัยนี้เสียด้วยไป

[smartslider3 slider="9"]