AEC For Happy Family : พาลูกรักเที่ยวหยุนหนาน

0
471

AEC For Happy Family : พาลูกรักเที่ยวหยุนหนาน

AEC for Happy Family กับ เกษมสันต์ / (มิถุนายน 2558)

พาลูกรักเที่ยวหยุนหนาน

ฉบับนี้ผมอยากพาคุณแม่คุณพ่อไปรู้จักมณฑลหยุนหนานหรือที่คนไทยเราเรียกติดปากว่ายูนนานกันหน่อยนะครับ ที่อยากจะพาไปก็เพราะอีกไม่นานชื่อมณฑลหยุนหนานนี้และเมืองหลวงที่ชื่อคุนหมิงนี่เราจะได้ยินมากขึ้น เรื่อยๆ เพราะจากนี้เป็นต้นไปรัฐบาลจีนกำลังวางตำแหน่งให้มณฑลนี้เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างจีนกับเออีซีและ เอเชียตอนใต้ครับ

หยุนหนานซึ่งมีพื้นที่เกือบๆ 80 เปอร์เซ็นต์ของประเทศไทยเลยนะครับคือมีพื้นที่ราวๆ 394,000 ตารางกิโลเมตร นั้นถือเป็นมณฑลที่อยู่ติดกับเออีซีมากที่สุด โดยมีชายแดนติดกับสามประเทศคือ เมียนมา สปป.ลาวและเวียดนาม จากจุดเชื่อมชายแดนหยุนหนานกับสปป.ลาวเข้ามาเมืองไทยก็แค่ 200 กิโลเมตรหน่อยๆเท่านั้นเอง

ด้วยการที่เป็นมณฑลที่อยู่ติดกับเออีซีมากที่สุดนี่เองที่ทำให้จีนวางแผนที่จะให้คุนหมิงเป็นศูนย์กลางรถไฟขนทั้งคนและขนทั้งของจากจีนลงมาที่เออีซีและเอเชียตอนใต้รวมทั้งขนกลับเข้าไปในจีนด้วย โดยวันนี้แผนการสร้าง รถไฟเชื่อมโยงมณฑลต่างๆของจีนนั้นเขามีเรียบร้อยแล้ว รวมถึงแผนการสร้างรถไฟจากคุนหมิงลงมายัง สปป. ลาว ส่วนเส้นจะไปเมียนมานั้นยังชะลออยู่ ส่วนถนนนั้นจีนเขาสร้างถนนเสร็จเรียบร้อยมาจ่อที่ชายแดนทั้ง สปป.ลาวและเมียนมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงพูดได้ว่าวันนี้คุนหมิงพร้อมจะเป็นจุดเชื่อมโยงจีนกับเออีซีแล้ว

พูดถึงถนนนี่ก็น่าอะเมซิ่งในวิธีคิดของจีนเขานะครับ เพราะปัจจุบันเวลาจีนเขาสร้างถนนไปเจอภูเขา เขาจะไม่ สร้างถนนเวียนอ้อมภูเขาเหมือนไทยเราแต่จีนเขาจะใช้วิธีเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาไปเลย และที่น่าอะเมซิ่งกว่านั้น ก็คือถ้าสร้างถนนไปเจอเหว เขาก็จะสร้างสะพานข้ามเหวไปเลย ทริปล่าสุดที่ผมไปมามีโอกาสได้นั่งรถข้ามเหว และแม่น้ำด้วยสะพานที่สูงที่สุดในโลกที่ชื่อ “สะพานหงเหอ” ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจีนสามารถสร้างสะพานได้ สูงถึง 165 เมตร สูงเท่ากับตึกใบหยก 1 หรือตึกที่สูงประมาณ 50 ชั้นเลยทีเดียว

แม้ว่าคนที่อาศัยในหยุนหนานจะมีอยู่แค่ 47 ล้านคนแต่เป็นหยุนหนานกลับเป็นมณฑลที่มีคนชนเผ่าอาศัยอยู่มาก ถึง 25 ชนเผ่าจากทั้งหมด 56 ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในจีน หยุนหนานจึงเป็นมณฑลที่มีชนเผ่าหลากหลายมากที่สุด ในจีนครับ ชนเผ่าที่คุณแม่คุณพ่อจะสามารถพาลูกรักไปศึกษาได้มาก เป็นพิเศษคือชนเผ่าไทลื้อที่อาศัยอยู่มาก ในสิบสองปันนาครับ เพราะคนไทลื้อที่นี้มีวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ภาษา อาหารการกินและนิสัยใจคอคล้ายคลึง กับคนไทยโดยเฉพาะคนไทยทางภาคเหนือ เช่นจังหวัดเชียงราย เชียงหม่และน่าน

ผมได้ไปเดินตลาดสดของสิบสองปันนาหลายรอบ ปรากฎว่าสนุกมากครับเพราะนอกจากจะมีปลาเป็นๆให้เลือก ซื้อมากมายหลากหลายแล้ว ยังมีไก่เป็นๆให้เลือกซื้ออีกด้วย ที่น่าจะสนุกสำหรับลูกรักก็คือผักสดของที่นี่จะมี ขนาดใหญ่โตมากกว่าผักในเมืองไทยของเรามากเลยครับ โดยเฉพาะพวกมะเขือทั้งหลายใหญ่จนน่าตกใจเลย

แต่ที่จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนเลยก็คือถ้าไปเจอแม่ค้าไทลื้อซึ่งการแต่งกายจะแตกต่างจากคนจีนทั่วไป คือคนไทลื้อที่นี่จะแต่งตัวคล้ายๆคนทางภาคเหนือของเรา การเกล้าผมก็เป็นเอกลักษณ์ที่คุณแม่คุณพ่อจะ สามารถบอกลูกรักได้เลยว่านี่เป็นแม่ค้าชาวไทลื้อ ที่น่าสนใจก็คือแม่ค้าไทลื้อเหล่านี้จะมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แจ่มใสมากกว่าแม่ค้าจีนโดยทั่วๆไปและยังใจดีอีกด้วย ที่จะน่าสนุกสำหรับลูกรักก็คืออาหารที่แม่ค้าไทลื้อ เขาขายในตลาดสดนี่แหล่ะครับ เพราะอาหารของคนไทลื้อนั้นก็คืออาหารคนเหนือเราดีๆนั่นเอง ข้าวเหนียวนึ่ง ร้อนๆ ทานกับไส้อั่ว แอ็บหมู น้ำพริกหนุ่มและแค็ปหมู อร่อยเลยล่ะครับ รสชาดอาจจะอ่อนกว่าเราแต่อาจจะมี ติดเค็มมากกว่าอาหารเหนือของเราสักหน่อย

ถ้าพาลูกรักไปทานอาหารไทลื้อตามร้านแล้วล่ะก็ โต๊ะอาหารของชาวไทลื้อเขาจะมีเอกลักษณ์พิเศษก็คือโต๊ะของ เขาจะเป็นโต๊ะกลมเตี้ยๆสองชั้น ชั้นบนเอาไว้วางกับข้าวหมุนได้เหมือนโต๊ะจีน ส่วนชั้นสองเอาไว้วางจานและ แก้วน้ำของเรา เวลาทานเราก็จะนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กๆเตี้ยๆสนุกดี กับข้าวเด่นที่สุดในร้านอาหารไทลื้อก็คือไก่ย่าง ครับย่างได้อร่อยเสียด้วย ผมทานมาหลายร้านละชอบทุกร้านเลย อาหารอื่นๆก็จะเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคย เกือบทั้งสิ้นครับ เช่น หมูทอด ปลาเผา ฯลฯ แต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษเห็นจะเป็นน้ำจิ้มสูตรพิเศษแบบไทลื้อที่เอา มะเขือเทศผลโตไปย่างจนสุกแล้วเอามาตำใส่เครื่องปรุงต่างๆรสชาดคล้ายๆแจ่วบ้านเราแต่รสไม่จัดเท่า

คุณแม่คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความสะอาดของจานชามที่ทานอาหารนะครับ เพราะปัจจุบันร้านอาหารใน เมืองจีนเขาจะใช้บริการจานสะอาดจากบริษัทข้างนอกกันเกือบหมดทุกร้านเลยครับ จานชามเหล่านี้จะถูกแร็ปมา อย่างดีจากบริษัทที่รับเอาไปล้างและอบด้วยความร้อน ลูกค้าจะเป็นคนแกะแร็ปเหล่านั้นด้วยตนเอง เราจึงมั่นใจ ในความสะอาดได้อย่างเต็มที่ ผมว่าสะอาดกว่าร้านอาหารในกรุงเทพหลายร้านเลยล่ะครับ

นอกจากอาหารการกินแล้ว บ้านพักอาศัย งานฝีมือต่างๆรวมถึงวัดก็ละม้ายคล้ายคลึงกับทางเหนือของบ้านเรา ภาษาไทลื้อก็ใกล้เคียงกับภาษาไทยของเรา แม้ว่าเสียงสระหลายเสียงเช่น สระเอียะสระเอีย สระอัวะสระอัวและ สระเอือะสระเอือจะไม่มีเหมือนภาษาไทยของเราแต่เวลาพูดก็พอจะเดาๆและสื่อสารกันได้พอสมควร
คนจีนเขาพูดกันว่าถ้าอยากมาเที่ยวเมืองไทยแต่มาไม่ได้ก็ให้มาเที่ยวสิบสองปันนาแทน เหมือนเมืองไทยหรือ ไม่เหมือนก็ลองคิดดูนะครับ ผมคิดว่าถ้าพาลูกรักไปเที่ยวสิบสองปันนา ลูกรักจะมีโอกาสเรียนรู้การเชื่อมโยง ของประเทศต่างๆว่ามีการเชื่อมโยงมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ไปเห็นด้วยตาตัวตัวเองลูกรักจะเรียนรู้ได้เยอะกว่า เรียนรู้จากหนังสือแน่นอนครับ

หยุนหนานไม่ได้มีดีแต่คนไทลื้อและสิบสองปันนาเท่านั้นนะครับ แต่ที่ผมเขียนถึงก่อนก็เพราะเห็นว่ามีอะไร ที่คล้ายคลึงใกล้เคียงกับไทยเรามากที่สุดเหมาะกับจะพาลูกรักไปเที่ยว จุดเด่นอื่นๆของหยุนหนาน ที่ผมชอบ คืออากาศที่คุนหมิงครับ อากาศที่คุนหมิงนั้นเย็นสบายตลอดปี เย็นสบายเหมือนอากาศในฤดูใบไม้ผลิ คนจีนถึงกับมีคำพูดว่า “คุนหมิง เทียนเทียน ซื่อชุนเทียน” แปลเป็นไทยได้ว่า “ทุกวันในคุนหมิงคือฤดูใบไม้ผลิ” ผมไปกี่ครั้งก็ยังหลงเสน่ห์ในความสบายของอากาศในคุนหมิงครับ

แหล่งท่องเที่ยวที่ต้องไม่พลาดถ้าคุณแม่คุณพ่อชอบดื่มชาคือ “เมืองผูว์เอ่อร์” ที่คนไทยเราออกเสียงว่า “ผู่เอ๋อ” นั่นหแหล่ะครับ ตอนนี้คนจีนกำลังหลงไหลคลั่งไคล้ชาผูว์เอ่อร์กันเพราะสรรพคุณที่ดีเกินคำบรรยายครับ จากคุนหมิงถ้านั่งรถลงมาทางตอนใต้ของหยุนหนานจะถึงเมืองผูว์เอ่อร์ก่อนสิบสองปันนา ระหว่างทางจะเห็น ไร่ชาเต็มสองข้างทางไปหมด ผมเองอยากเชิญชวนให้คุณแม่คุณพ่อเริ่มฝึกดื่มชาจีนกันบ้างโดยเฉพาะชาผูว์เอ่อร์ เพราะผมคิดว่าที่คนจีนทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และในฮ่องกงที่สุขภาพแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วยและไม่ค่อยอ้วนไม่มีปัญหาคลอเรสเตอรอลเหมือนคนไทยทั้งๆที่เขาทานอาหารมันๆกันเยอะมากนั้นน่าจะเป็นเพราะเขานิยมดื่มชากันครับ

คราวหน้าจะพาไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวของหยุนหนานซึ่งรับรองว่าพอเห็นภาพแล้วคุณแม่คุณพ่อต้องอยากพาลูกรักไปอย่างแน่นอนครับ

[smartslider3 slider="9"]