AEC for Happy Family : เลี้ยงลูกให้เก่งภาษา

0
490
AEC for Happy Family : เลี้ยงลูกให้เก่งภาษา

AEC for Happy Family กับเกษมสันต์ / พฤศจิกายน 2558

เลี้ยงลูกรักให้เก่งภาษา

ใกล้เดือนธันวาคมเข้าไปเท่าไหร่ก็คุณแม่คุณพ่อก็จะเห็นภาพความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศต่างๆในการแข่ง ขันเรื่องการรวมกลุ่มการค้ามากยิ่งขึ้นนะครับ เริ่มจากสหรัฐที่ผลักดันให้มีการเซ็นต์สัญญาในเรื่องการรวมกลุ่ม ที่เรียกสั้นๆว่า TPP (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement) ซึ่งมีประเทศเข้าร่วมได้แก่ สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก ชิลี เปรู  ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซียและเวียดนาม TPP  นี่ถ้าดูขนาด GDP รวมๆกันมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของ GDP  โลก ใหญ่พอๆกับ ASEAN Plus 6 ของเราที่มี 16 เทศคือ อาเซียน 10 ประเทศรวมกับ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอินเดีย

เมื่อสหรัฐพยายามอย่างหนักที่จะเพิ่มบทบาทตัวเองในภูมิภาคนี้แข่งกับจีน คุณแม่คุณพ่อก็จะเห็นจีนเริ่มทำ หลายสิ่งหลายอย่างที่จะทำให้ประเทศเขามีความเป็นสากลยิ่งขึ้น เช่นทำให้โลกยอมรับเงินของเขามากขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าจีนจะทำให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันอินเดียซึ่งเป็นยักษ์หลับมานาน แต่ด้วยการ นำพาของนายกคนปัจจุบัน นเรนทรา โมดี ตอนนี้อินเดียได้กลายเป็นประเทศที่เนื้อหอมมากที่สุดในการที่ นักลงทุนต่างชาติจะไปลงทุนในช่วงนี้ และคาดกันว่าอินเดียจะเติบโตเป็นชาติมหาอำนาจอีกชาติหนึ่ง ในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว

เมื่อสภาพการแข่งขันบนโลกใบนี้ เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วขนาดนี้ ผมจึงขอแนะนำคุณแม่คุณพ่อให้เตรียม ลูกรักดังนี้นะครับ

เริ่มที่เรื่องภาษากันก่อน ในอนาคตการที่ลูกรักพูดได้แค่สองภาษาคือภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้นไม่เพียงพอ อย่างแน่นอนครับ ผมอยากให้คุณแม่คุณพ่อเตรียมลูกรักให้มีทักษะมากกว่าสองภาษาและสร้างเขาให้เป็นคนที่รัก จะเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เคยสังเกตมั้ยครับ เพื่อนๆคุณแม่คุณพ่อมักจะมีคนอยู่สองประเภทคือคนที่ไม่เอา ไม่สนใจภาษาต่างประเทศเอาซะเลยกับเพื่อนที่ชอบเรียนรู้ภาษาต่างๆประเทศใหม่ๆ ไปเที่ยวประเทศไหน ก็จะขวนขวายฝึกพูดภาษาประเทศนั้น จนพอจะทักทาย ถามทางและสั่งอาหารทานได้

การรักที่เรียนรู้ภาษาใหม่ๆนี่แหล่ะครับ ที่คุณแม่คุณพ่อจะต้องสร้างให้ลูกรักเป็นให้จงได้ เด็กๆนั้นมันสมอง ของเขายังมีรอยหยักอยู่เยอะ พื้นที่ความจำยังเยอะ ป้อนอะไรเข้าไปสมองของเด็กก็รับได้หมด คุณแม่คุณพ่อ ควรจะได้หา “ความสนุก” มาล่อใจให้ลูกๆสนใจที่จะเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เช่นหาการ์ตูนหรือ หาสารคดีสวยๆที่เป็นภาษาต่างประเทศมาดู จนลูกสนใจว่านี่คืออะไรสนุกดี แล้วภาษานี่คือภาษาอะไร ต้องเริ่มต้นที่ “ความสนุก” นะครับ อย่าไปเริ่มต้นด้วยการ “ฝืนบังคับ” ลูกรักเป็นอันขาด ผลที่ได้มันจะทำให้ลูกรัก รู้สึกปิดกั้นที่จะเรียนรู้มากกว่าที่จะอยากเปิดรับภาษาใหม่ๆ แต่จะเล่นสนุกกับลูกรักเช่นนั้นได้ คุณแม่คุณพ่อ จะต้องรู้สึกสนุกกับเรียนรู้ภาษาต่างประเทศไปกับลูกรักด้วยกันนะครับ ถ้าคุณแม่คุณพ่อไม่สนุกไปด้วย ความคิดที่จะสร้างสรรค์คิดหาเกมส์สนุกๆมาเล่นกับลูกก็จะไม่ค่อยมีนะครับ

ควรจะเริ่มที่ภาษาอะไรก่อนดี? ​คุณแม่คุณพ่ออาจจะอยากรู้ ผมแนะนำว่าควรเป็นภาษาที่คุณแม่คุณพ่อพอที่จะ มีทักษะอยู่บ้างหรืออาจจะเป็นภาษาประเทศที่ครอบครัวจะมีโอกาสไปเที่ยวกันได้ ภาษาประเทศที่ว่าไม่จำเป็น ต้องเป็นภาษาประเทศใหญ่ๆ เช่นภาษาจีน แต่อาจจะเป็นภาษาอะไรก็ได้ แม้แต่ภาษาของ สปป.ลาว ก็ยังใช้ได้ นะครับ เพราะวัตถุประสงค์หลักคือเราต้องทำให้ลูกรักสนุกที่จะได้เรียนรู้ภาษาใหม่ ฝึกสมองและฝึกนิสัย ของเขามากกว่าความเก่งในภาษา

ส่วนภาษาต่างประเทศที่ลูกรักจำเป็นจะต้องรู้มากกว่าภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้น ภาษาแรกผมแนะนำ ให้เรียนรู้ภาษาจีนกลาง ซึ่งจีนแผ่นดินใหญ่ใช้กันเยอะก่อนนะครับ หนีไม่พ้นจริงๆครับกับการแผ่อิทธิพล อันใหญ่โตของจีนในภูมิภาคนี้ ส่วนภาษาที่สี่ที่จะเล่นสนุกกับลูกรัก ผมอยากให้คุณแม่คุณพ่อเล่นสนุกกับภาษา ของเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV คือ ภาษากัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม

ที่ผมแนะนำให้เล่นสนุกกับภาษาของ CLMV ด้วยนั้น เพราะผมอยากจะให้คุณแม่คุณพ่อใช้การเล่นสนุก กับภาษาของ CLMV เป็นกุศโลบายในการอธิบายให้ลูกรักรู้จักและเข้าใจถึงอุปนิสัยใจคอรวมถึงประเพณี และวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านเรา เพราะในระบบการศึกษาของบ้านเรานั้นไม่ได้สอนให้ลูกรักรู้จัก รักและเข้าใจเพื่อนบ้านเราแต่กลับสอนให้ลูกรักรังเกียจเพื่อนบ้านแล้วหันไปเทอดทูนฝรั่งมังค่ากันเสียหมด

เพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV  โดยเฉพาะกัมพูชาและเมียนมานั้นเขารักคนไทยมากนะครับ เพื่อน สปป.ลาว ก็รักคนไทยเพียงแต่เราล้อเขามากจนเขาน้อยใจรักเราน้อยลงไปเยอะเลย ส่วนเวียดนามนั้นแม้จะไม่ได้รัก อะไรเรามากมายแต่ก็ไม่ได้รังเกียจเดียฉันท์เรา ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศในกลุ่ม CLMV นี้จะพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก และไทยเราก็จะกลายเป็นประเทศที่ต้องไปพึ่งพาเขา มากกว่าที่เขาจะต้องมาพึ่งพา ไทยเรา การเรียนรู้ภาษาและนิสัยใจคอของเพื่อนบ้านจะทำให้ลูกรักเข้าใจและรักเพื่อนบ้านมากขึ้นและจะเป็น ประโยชน์อย่างมากเมื่อลูกรักโตขึ้น

แต่สิ่งที่ผมอยากจะย้ำฝากคุณแม่คุณพ่ออีกเรื่องก็คือการฝึกฝน “ภาษาไทย” ด้วยนะครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ ภาษาไทยจริงๆครับ ประสบการณ์ในการทำงานกับผู้คนที่หลากหลายผมได้พบว่า ไม่มีคนไทยเก่งๆคนไหนเลย ที่ไม่เก่งภาษาไทย คำว่าเก่งภาษาไทยนี่ไม่ได้เก่งแบบภาษาไทยธรรมดาเท่านั้นนะครับ แต่ยังรวมไปถึงคำสุภาษิต คำพังเพยและโคลงฉันท์กาพย์กลอนอีกด้วย

การจะเก่งในเรื่องเหล่านี้ได้นั้น คนที่ศึกษาจะต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการเปรียบเปรยและการเลือกใช้ศัพท์แสง ที่เหมาะสมทั้งรูปประโยค กาละและเทศะ คุณแม่คุณพ่อเคยเจอคนที่ทำงานเก่งจริงๆแต่อธิบายเราไม่รู้เรื่องมั้ยครับ น้อยมากใช่มั้ยครับ คนที่เก่งจริงๆนั้นแทบทุกคนจะสามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะ คนเก่งส่วนใหญ่จะมีทักษะในการใช้ภาษาไทยทั้งสิ้น ซึ่งทักษะเหล่านี้ลูกรักจะค่อยๆซึมซับผ่านกาลเวลา ที่ได้เรียนรู้ทำความเข้าใจสุภาษิต คำพังเพยหรือตอนฝึกเขียนกาพย์กลอนนั่นเอง

อีกเรื่องที่จำเป็นจะต้องเตรียมลูกรักให้พร้อมก็คือทักษะในการพูดครับ อ่านและเขียนเก่งแต่ยังพูดไม่เก่ง นำเสนอไม่เก่ง นั่นแปลว่าลูกรักยังไม่เก่งจริงนะครับ ในอนาคตคนไม่เก่งจริงจะประสบความสำเร็จยากนะครับ การฝึกให้ลูกรักพูดเก่งก็จะต้อง “เล่นให้สนุก” ด้วยนะครับ ต้องเน้นที่ความสนุกไว้ก่อนเช่น คุณแม่คุณพ่อ เล่นให้ลูกรักเล่าเรื่องการ์ตูนที่ลูกรักชอบ หรือ เล่าเรื่องที่โรงเรียน เล่าเรื่องเพื่อนให้เราฟังสนุกๆ แล้วคุณแม่คุณพ่อ ก็ค่อยๆเติมทักษะในด้านการพูดที่ลูกรักยังขาด

เดือนนี้เอาแค่เรื่องภาษาก่อน และอย่าเพิ่งหนักใจว่าแค่เรื่องภาษาอย่างเดียวคุณแม่คุณพ่อยังต้องทำการบ้าน เพื่อเตรียมลูกรักมากขนาดนี้เลยทีเดียวนะครับ ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องสนุกเข้าไว้ รับรองสนุกและได้ผลครับ

[smartslider3 slider="9"]