AEC for Happy Family : เตรียมลูกรักให้พร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ

0
391
AEC for Happy Family : เตรียมลูกรักให้พร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ

AEC  for  Happy Family  กับ เกษมสันต์ ( ตุลาคม 2557)

เตรียมลูกรักให้พร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ

ปีนี้ลูกรักของคุณแม่คุณพ่ออายุกี่ขวบแล้วครับ? ที่ผมถามคำถามนี้ก็เพราะอีกยี่สิบปีที่ลูกรักโตเป็นหนุ่มเป็นสาว สังคมที่พวกเขากำลังจะเผชิญจะแตกต่างไปจากสังคมปัจจุบันมากนะครับ

ผมไม่ได้หมายความถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์หรือเทคโยโลยี ซึ่งต้องก้าวล้ำไปอีกมากมายจากวันนี้ หรือผมไม่ได้หมายถึงความเป็นสากลและการแข่งขันที่จะมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ผมหมายถึงลูกรักของคุณแม่ คุณพ่อกำลังจะเติบโตไปในสังคมที่เต็มไปด้วยคนสูงวัย ขอใช้คำว่า “ผู้สูงอายุ” แทนคำว่า “คนแก่” ก็แล้วกัน นะครับเพราะมีหลายคนบอกผมว่า คำว่าแก่พูดเบาๆก็เจ็บ

ผู้สูงอายุตามนิยามสากลเขานับเอาคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ตอนนี้ประเทศที่มีอัตราส่วนผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก คือประเทศ ญี่ปุ่นหนึ่งในกลุ่มอาเซียนบวก 6 ของเรานี่เองครับ จากประชากรทั้งหมด 127 ล้านคนญี่ปุ่นมีผู้สูงอายุ มากถึง 25.9%  หรือคิดเป็น 32.96 ล้านคน พอถึงปี 2578  มีการคาดการณ์กันว่าญี่ปุ่นจะมีผู้สูงอายุมากถึง 40% ของประชากรทั้งหมดหรือราวๆ 53 ล้านคนเลยทีเดียว ถือว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด

การจัดลำดับของสังคมผู้สูงอายุเขาจัดเป็นสามลำดับด้วยกันนะครับคือ ถ้าสังคมไหนมีคนอายุ 65  ปีขึ้นไป มากกว่า  7% เราจะจัดให้เป็นสังคมผู้สูงอายุ ถ้ามีมากกว่า 14% เขาจะเรียกสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ และถ้ามีมากกว่า  20%  จะเรียกว่าสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด

ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนบวก 6  ที่จะเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดภายในปี 2578 นะครับ แต่เกาหลีใต้ จีน นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ก็จะเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดด้วยเหมือนกัน เฉพาะที่จีน ประเทศเดียว คาดกันว่าจะมีผู้สูงอายุมากกว่า 330 ล้านคนครับ

มองกลับที่ AEC ของเรา เมื่อถึงปี 2578 สิงคโปร์กับไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด โดยมีอัตราส่วน ผู้สูงอายุคิดเป็น 32% และ 23% ตามลำดับ ถ้าคำนวณง่ายๆ ก็คือเมื่อถึงปีนั้นในจำนวนคนสิงคโปร์ทั้งหมด 6.5 ล้านคนจะมีผู้สูงอายุ 2 ล้านคน ส่วนไทยเราจากคนทั้งหมดที่คาดว่าจะมีราวๆ 76.5 ล้านคนจะเป็นผู้สูงอายุเสีย 18 ล้านคนปัจจุบันที่มีอยู่ราวๆ 8 ล้านคน ถ้าคนไทยเดินมาด้วยกัน 4 คน 1 ในนั้นจะเป็นคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี น่าตกใจนะครับ

เวียดนามและอินโดนีเซียจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2578 ส่วนประเทศที่เหลือทั้งหมดใน กลุ่ม AEC จะเป็นสังคมผู้สูงอายุหมดเลยครับ รวมๆแล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง ในกลุ่ม AEC ของเราจะมีผู้สูงอายุ รวมๆแล้วประมาณ 115 ล้านคนจาก 741 ล้านคน ในกลุ่มประเทศญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้จะมีผู้สูงอายุรวมกัน ราวๆ 404 ล้านคนจากคนทั้งหมดราวๆ 1620 ล้านคน และโลกทั้งโลกจะมีผู้สูงอายุรวมกันประมาณ 15% เศษ หรือราวๆ 1,371 ล้านคนจากคนทั้งหมดโลกที่จะมีจำนวนประมาณ 8,860 ล้านคน

ที่หยิบเอาตัวเลขผู้สูงอายุมาบอกคุณแม่คุณพ่อตรงนี้ก็เพราะกำลังจะเตือนว่าในอนาคตเมืองไทยและโลกที่เต็มไป ด้วยผู้สูงอายุนั้นน่ะ วิธีคิด วิธีทำงาน วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปทั้งหมดเลยนะครับ จะเลี้ยงลูกรักในสมัยนี้ก็ต้องนึกถึง เรื่องนี้เอาไว้ด้วย ที่สำคัญเมื่อเวลานั้นมาถึงคุณแม่คุณพ่อหลายคนก็คงจะเป็นผู้สูงอายุกันแล้ว

การเลี้ยงลูกรักในสมัยนี้จึงควรสอนลูกให้มีความรักความผูกพันธ์กับคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายให้มากๆนะครับ ควรสอนลูกรักให้เข้าใจจิตวิทยาของผู้สูงอายุด้วย (เรื่องนี้กระทรวงศึกษาฯน่าจะเอาเข้าบรรจุในหลักสูตรด้วยนะ ครับ) เรื่องจิตวิทยาของผู้สูงอายุนี่ไม่ง่ายต่อการทำความเข้าใจนะครับ คุณแม่คุณพ่อที่อ่านบทความนี้เองก็เถอะ ผมว่าบางทีเราก็ไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่ของเราเหมือนกัน ใช่มั้ยครับ

นอกจากการสอนให้รักและเข้าใจจิตวิทยาของผู้สูงอายุแล้ว การเลี้ยงลูกรักให้เติบโตขึ้นมาและเลือกอาชีพให้ สอดคล้องกับความต้องการของสังคมก็เป็นเรื่องจำเป็นนะครับ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุในทุก รูปแบบจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล นักโภชนาการ นักจิตวิทยา นักกายภาพบำบัด ฯลฯ

ในญี่ปุ่นตอนนี้มีผู้สูงอายุหลายล้านคนที่ดูแลตัวเองไม่ค่อยได้และต้องอยู่ตัวคนเดียว รัฐบาลต้องจ้างคนไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำอาหารป้อนอาหาร ปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้ ขณะที่ผู้สูงอายุญี่ปุ่นอีกหลายล้านคนที่พอช่วยตัวเอง ต้องมาอาศัย Day Care Center ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้เพื่อทานอาหาร ออกกำลังกายและเพื่อให้มีเพื่อนพูดคุย และแน่นอนครับต้องมีผู้สูงอายุมากมายที่เจ็บป่วยทั้งทางกายและทางสมองที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

ถ้าอยากให้ลูกรักเติบโตมาทำธุรกิจหรือสานต่อกิจการที่บ้านก็ต้องพัฒนาและปรับแนวทางของธุรกิจที่บ้านให้ สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวิถีของสังคมผู้สูงอายุด้วยนะครับ ผมเองมองว่าวิธีคิดในการทำธุรกิจจะต้อง เปลี่ยนกัน แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

วันนี้นิตยสารสำหรับการเลี้ยงลูก นิตยสารสำหรับวัยรุ่นขายดี แต่เมื่อวันนั้นมาถึงนิตยสารสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ จะเป็นที่ต้องการ เครื่องมือในการสื่อสาร โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ก็ต้องถูกออกแบบให้ผู้สูงอายุใช้ได้ง่าย           โดยเฉพาะคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ อย่างญี่ปุ่นวันนี้ก็กำลังเร่งพัฒนาหุ่นยนต์ให้ทำหน้าที่ดูแลและเป็น เพื่อนพูดคุยกับผู้สูงอายุให้ได้ เมนูในร้านอาหารต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้และอาหารที่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็จะต้องเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้สูงอายุ ชั้นที่วางขายผ้าอ้อมผู้ใหญ่จะมีมากกว่าของเด็กอ่อน

วิธีคิดวิธีลงทุนก็จะมุ่งเน้นในธุรกิจที่จะให้บริการผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้มีนักธุรกิจจีนมาขอเช่าที่ สปป.ลาวหลายหมื่นไร่เพื่อสร้างที่พักอาศัย โรงพยาบาล  ศูนย์สเต็มเซลล์ ตลาด วัด เพื่อรองรับคนจีนที่สูงอายุ ส่วนในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ผมเห็นมีหมู่บ้านผู้สูงอายุของคนเกาหลี ขายกันหลังละหลายสิบล้านบาท ภายในหมู่บ้านมีสถานพยาบาล มีซุปเปร์มาร์เก็ต มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้สูงอายุต้องการ ไว้รอให้บริการ

ภาพและวิธีคิดแบบนี้จะมีมากขึ้นเรื่อยนะครับ เวลานึกถึงบ้านพักอาศัยหรือธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ คุณแม่คุณพ่อต้องนึกถึงการออกแบบการใช้งานที่เหมาะกับผู้สูงอายุจริงๆนะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆในห้องน้ำก็ได้ ทุกอย่างที่คิดใหม่ ออกแบบใหม่หมดนะครับ ห้องน้ำวิธีล็อคต้องเป็นแบบไหนถึงจะง่ายสำหรับผู้สูงอายุเวลา ล็อคปิดหรือเปิด และต้องง่ายสำหรับการเปิดเข้าไปช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน พื้นห้องน้ำแบบไหนเปียกยังไงก็ไม่ลื่น ก็อกน้ำต้องเปลี่ยนเป็นแบบปัดซ้ายปัดขวาแทนการหมุนเปิดปิด ห้องอาบน้ำต้องมีราวให้จับ ต้องมีที่ให้นั่งอาบ อ่างอาบน้ำต้องมีมั้ย ถ้ามีต้องเป็นแบบไหนผู้สูงอายุถึงจะใช้ได้ เห็นภาพสังคมผู้สูงอายุที่จะทำให้วิธีคิดทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วใช่มั้ยครับ จากนี้ไปการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย จะเปลี่ยนไปพร้อมๆกันระหว่างการเป็น AEC ที่ทุกอย่างที่เติบโต รวดเร็ว โปร่งใสเป็นสากลขึ้น คู่ขนานไปกับ การเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ เวลาเลี้ยงลูกรักต้องคิดถึงเรื่องนี้ด้วยนะครับ

[smartslider3 slider="9"]