คดีโตโยต้าหมื่นล้าน2 – เกษมสันต์อยากเขียน

0
765

คดีโตโยต้าหมื่นล้าน2

หนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปรกติในวงการธุรกิจ โดยเฉพาะบรรษัทข้ามชาติ ที่มักจะหาช่องทางช่องโหว่ทางกฎหมาย เพื่อที่จะเสียภาษีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้า ภาษีกำไร ซึ่งเขาจะเรียกกันให้บริษัทดูดีว่าเป็น “การบริหารภาษี” ตัวอย่างล่าสุดรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกที่เรียก G7 ก็เพิ่งมีมติร่วมกันว่าจะหาทางเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติขนาดใหญ่ เช่น แอมะซอน เฟซบุ๊ค ซึ่งบริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจมีกำไรในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่มักจะ “บริหารภาษี” ด้วยการโอนกำไรไปประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า แต่เรื่องแบบนี้ ถ้าเป็นบริษัทท้องถิ่นเล็ก ๆ ทำแบบเดียวกัน ก็มักจะโดนกรมสรรพากรตีความว่าเป็นการ “หนีภาษีหรือเลี่ยงภาษี” ไม่ใหญ่จริงอย่าไปเสี่ยงทำ

สอง เมื่อได้อ่านข่าวนี้ ผมมีคำถามขึ้นมาในใจทันทีว่า ทำไม “โตโยต้าบริษัทแม่” จึงเกิดความสงสัยว่า “บริษัทลูกในไทย” อาจจะทำอะไรที่ผิดกฎหมาย บริษัทแม่ไปได้ข่าว หรือ ไปเจอหลักฐานอะไรที่มันไม่ชอบมาพากลเข้าหรืออย่างไร? หลักฐานที่ว่านั้นคืออะไร? จากเนื้อข่าว และการให้สัมภาษณ์ของ นายทรงพล อันนานนท์ กรรมการผู้จัดการสำนักงานกฎหมายอันนานนท์ ทำให้จับประเด็นได้ว่า บริษัทแม่ได้มีการทำการสอบสวนภายในจริง และทำมาเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน และถ้ารายงานข่าวของเว็บไซต์ LAW360.com เป็นจริง การสอบสวนภายในนั้นมีการตรวจสอบเอกสารจำนวนมากมายซึ่งย้อนหลังไปถึงปี พ.ศ. 2555 (ปีที่เริ่มมีข้อพิพาทเรื่องภาษีนำเข้า) จึงเกิดคำถามสำคัญตามมาว่า วันนี้บริษัทแม่เจอหลักฐานอะไรบ้างแล้ว? หลักฐานเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับการที่สำนักงานกฎหมายอันนานนท์ หยุดเป็นทนายให้กับโตโยต้าประเทศไทยของตั้งแต่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562 หรือไม่? เพราะในรายงานของเว็บไซต์ LAW360.com ซึ่งอ้างถึงเอกสารสอบสวนภายในของโตโยต้าบริษัทแม่ กล่าวหาว่าสำนักงานกฎหมายแห่งนี้เป็นผู้ทำหน้าที่หาช่องทางพิเศษกับผู้พิพากษาไทย

สาม การที่โตโยต้าบริษัทแม่ต้องไปแจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา นั้นสะท้อนว่า ผลจากการสอบสวนภายในของโตโยต้าบริษัทแม่เองนั้นมีมูลหรือมีหลักฐานที่บ่งชี้ไปว่าบริษัทลูกในไทย อาจจะทำผิดจริงใช่หรือไม่? เพราะถ้าผลสอบสวนภายในไม่พบหลักฐานการทำผิดอะไร โตโยต้าบริษัทแม่ ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปแจ้งทางการสหรัฐใช่หรือไม่? จึงเกิดคำถามตามมาอีกว่า วันนี้หลักฐานที่เจอนั้นนำไปสู่ความผิดอะไรบ้าง? และหลักฐานเหล่านั้นมัดตัวผู้ใดบ้าง?

การที่โตโยต้าบริษัทแม่ ไปแจ้งต่อทางการสหรัฐฯ เรื่องสงสัยว่าบริษัทลูกอาจจะทำผิดนั้น ทำให้คิดไปได้ทั้งสองมุมว่า บริษัทแม่มีจริยธรรมสูงส่งเมื่อสงสัยว่าบริษัทลูกอาจจะทำผิดก็รีบแจ้งทางการทันที เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หรือบริษัทแม่จมูกไว เมื่อรู้ว่าบริษัทลูกอาจจะทำผิด ก็เลยรีบแจ้ง เพราะการรับสารภาพ และร่วมมือกับทางการจะเป็นประโยชน์กับบริษัทแม่มากกว่าการไปช่วยบริษัทลูกปกปิดหลักฐาน

สี่ เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รับเรื่องก็ได้มีการตั้งคณะลูกขุนใหญ่ในเท็กซัสให้ทำหน้าที่สอบสวนการละเมิดกฎหมายการต่อต้านการทุจริตในต่างประเทศของสหรัฐฯ การตั้งคณะลูกขุนใหญ่ซึ่งเป็นเรื่องพิเศษ และมีอำนาจพิเศษในการเรียก หรือขอเอกสารจากหน่วยงานต่าง และสถาบันการเงินได้นั้น แตกต่างไปจากคณะลูกขุนปรกติ ทำให้ผมมองว่า กระทรวงยุติธรรม ต้องการให้คณะลูกขุนใหญ่ใช้อำนาจเรียกเอกสารเพิ่มเติมเพื่อสอบสวนเส้นทางการเงินของการกล่าวหาครั้งนี้ ซึ่งถ้าข่าวที่เว็บไซต์ LAW360.com ได้เผยแพร่ออกมาว่าวงเงินเรื่องนี้สูงถึง 850 ล้านบาทนั้นเป็นความจริง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการรับการจ่ายในต่างประเทศด้วยนอกเหนือจากการจ่ายภายในประเทศ

ห้า เมื่อพูดถึงเรื่องเส้นทางการเงิน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ นั้นมีฝีมือในการสอบสวนติดตามได้เก่งมาก มักจะได้หลักฐานจับได้คาหนังคาเขา เช่นกรณีอดีตนายกฯ มาเลเซีย นายนาจิ๊บ ราซัค ที่ถูกกล่าวหาว่าโกงเงินโครงการ 1 MDB ของประเทศตัวเองไปสองหมื่นสี่พันล้านบาทเศษ ซึ่ง นายนาจิ๊บ ก็ปฏิเสธมาโดยตลอด และอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่ต้องมาจนมุมก็ตอนที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเส้นทางการเงินละเอียดยิบ ว่ามีการโอนจากบัญชีไหนประเทศไหน ไปบัญชีอะไรในประเทศอะไรบ้าง จะโอนไปกี่ประเทศก็ตามหาจนเจอหมด ตัวเลขออกมาเป๊ะ ๆ สองหมื่นสี่พันล้านบาทเศษ จนนำไปสู่การพิพากษาจำคุก นายนาจิ๊บ และธนาคารโกล์แมนแซค ของสหรัฐฯ ที่มีส่วนให้ความช่วยเหลือในการยักยอกเงินครั้งนี้ ก็ต้องยอมจ่ายค่าปรับให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเป็นเงินสูงถึง 62,000 ล้านบาท และยอมจ่ายเงินให้กับรัฐบาลมาเลเซียอีก 120,000 ล้านบาท เพื่อขอยุติคดีนี้

ผมจึงมองว่าเมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนเส้นทางการเงินเสร็จ และทำให้ความจริงปรากฏ คนไทยเราอาจจะได้เห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นไม่เคยรู้มาก่อน และจะเป็นการพิสูจน์ความมีเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา ความเป็นกลางของศาล และความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย

หก ในอดีตประเทศไทยเคยได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในเรื่องการสอบสวนเส้นทางการเงินมาแล้ว คือคดีอดีตผู้ว่า ททท. นางจุฑามาศ ศิริวรรณ และลูกสาวที่ไปเรียกเงิน สองสามีภรรยาชาวสหรัฐฯ เป็นจำนวนเงินกว่า 60 ล้านบาท เพื่อจะได้รับสิทธิ์จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ส่งข้อมูลเส้นทางการเงินที่มีการโอนกันไปในสี่ประเทศพร้อมเอกสารอีกกว่า 2,000 แผ่นมา ป.ป.ช.ของไทยจึงมีหลักฐานจนนำไปสู่การตัดสินจำคุกนางจุฑามาศ 50 ปีและลูกสาว 40 ปี ดังนั้นในกรณีโตโยต้าฯ นี้ หากมีการจ่ายเงินกันจริงตามที่มีการกล่าวหา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็คงจะสามารถหาหลักฐานเส้นทางการเงินได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ขอบันทึกเอาไว้ตรงนี้ก่อนว่า ในขณะที่ศาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินจำคุก และปรับสองสามีภรรยาชาวสหรัฐฯ ที่ร่วมทำผิดไปตั้งแต่ปี 2553 แล้วนั้น ศาลชั้นต้นของไทยของไทยเพิ่งจะมีคำพิพากษานางจุฑามาศ และลูกสาวเมื่อต้นปี 2560 ช้ากว่าเขา 7 ปี และศาลฎีกาเพิ่งจะมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้เอง

เจ็ด คำถามต่อมาก็คือทำไม “โตโยต้าประเทศไทย” จึงเงียบกริบ ทั้ง ๆ ที่มีการสอบสวนภายในโดยบริษัทแม่ตัวเอง และคนของโตโยต้าประเทศไทยก็คงจะโดนสอบสวนไปแล้วเหมือน ๆ กับที่ นายทรงพล อันนานนท์ แห่งสำนักงานกฎหมายอันนานนท์ ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่าได้เคยถูกบริษัทแม่เรียกไปให้ข้อมูลที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่นักกฎหมายของโตโยต้าสามคนที่เกี่ยวข้องกับคดีก็ต่างลาออกกันหมด ทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า (ประเทศไทย) หลายคนต่างก็เป็นบุคคลชั้นนำของประเทศ และมีภาพลักษณ์ต่อต้านการคอรัปชั่นด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งกรรมการควรจะเป็นเดือดเป็นร้อนในเรื่องเช่นนี้

และทั้ง ๆ ที่ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และปัจจุบันยังเป็นประธานมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) นั้น เคยเป็นประธานโตโยต้าประเทศไทยในช่วง 1 มกราคม 2543 ถึง 31 มีนาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเริ่มนำเข้าชิ้นส่วนของโตโยต้าพรีอุส (เริ่มนำเข้าปี 2553) และเป็นช่วงที่เกิดข้อพิพาทเรื่องภาษีนำเข้า (เกิดขึ้นในปี 2555-2556) และในช่วงที่มีการกล่าวหาว่ามีการจ่ายเงินให้สำนักงานกฎหมายเพื่อหาช่องทางพิเศษกับผู้พิพากษาไทยนั้นก็มีการเริ่มต้นจ่ายกันในปี 2558

ที่น่าประหลาดใจก็คือขณะที่ “โตโยต้าประเทศไทย” เงียบกริบ กลับกลายเป็นมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น ที่ออกมาอธิบายความบริสุทธิ์ของ นายประมนต์ อธิบายได้อย่างละเอียดเสมือนทำงานให้โตโยต้าเลยทีเดียว

แปด ที่น่าผิดหวังก็คือ การตอบสนองต่อข่าวที่เกิดขึ้นของสำนักงานศาลยุติธรรมของไทยนั้น ผมมองเชื่องช้า และตั้งรับเกินไป เพราะเมื่อมีข่าวในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2564 การแถลงตอบโต้ครั้งแรกแม้ว่าจะทำได้รวดเร็วในวันที่ 3 เมษายน นั้นแต่เนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรมาก และเมื่อเกิดข่าวต่อเนื่องอีกครั้งในปลายเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งครั้งนี้มีการเปิดเผยการกล่าวหาในรายละเอียดมากขึ้นชัดเจนขึ้น มีการระบุชื่อผู้พิพากษา ชื่อสำนักงานกฎหมาย ชื่อทนาย แต่การแถลงครั้งที่สองของสำนักงานศาลยุติธรรมกลับมีเนื้อหาที่แทบจะไม่แตกต่างจากการแถลงครั้งแรก บอกเพิ่มเติมได้แค่ว่าได้ประสานขอข้อมูลจากสหรัฐฯ ไปแล้ว รอการตอบกลับ หากได้รับข้อมูล และตรวจสอบว่ามีมูลเป็นความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน การแถลงแบบนี้เป็นการตั้งรับเกินไป สำนักงานศาลยุติธรรมควรที่จะทำการสอบสวนเชิงรุกด้วยตัวเองเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่รอรับหลักฐานจากสหรัฐเพียงด้านเดียว และเมื่อทำอะไรไปแล้วก็สมควรที่จะเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบอย่างสม่ำเสมอ

ผมอยากจะบอกว่าประชาชนจะเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อท่าน “ทำ” ในสิ่งที่ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ไม่ใช่ “พูดหรือขอร้อง” ให้ประชาชนเชื่อมั่น

เก้า ที่น่าผิดหวังไม่แพ้กันก็คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.เพิ่งจะแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นี้เอง หลังมีข่าวไปแล้วกว่าสองเดือนว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับหน่วยงานของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการประสานงานกับทางการประเทศสหรัฐอเมริกาในคดีทุจริตอื่นๆ อยู่แล้ว

เรื่องเขาเปิดเผยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพิ่งจะมอบหมายให้รวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม แถมท่าทียังมีเกรงใจกระบวนการยุติธรรมเสียอีก ดูเชื่องช้า และไม่เข้มแข็ง ไม่สมกับองค์กรอิสระที่จะมาปราบคอรัปชั่นในประเทศที่เต็มไปด้วยการคอรัปชั่นที่ฝังรากลึก

สิบ Justice Delayed is Justice Denied เป็นคำที่ฝรั่งเขาชอบใช้กันเมื่อคดีความต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งแปลได้ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม” นั้นเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ เห็นได้ตลอดมาในเมืองไทย โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี นักการเมืองซีกรัฐบาล หรือ ธุรกิจขนาดใหญ่ จนคนไทยส่วนมากคิดว่ากฎหมายมีเอาไว้ลงโทษกับคนจนคนตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ยังจำคดีไม้ล้างป่าช้า GT200 ที่ฝรั่งเอามาหลอกขายหน่วยงานรัฐของไทยนับสิบหน่วยงาน โดยกองทัพบกนั้น โดนไปเยอะสุด ประเทศสูญเงินไปกว่า 700 ล้านบาทในช่วงปี 2548 – 2552 ได้ใช่ไหม ? เชื่อหรือไม่ว่าคนทำผิดเรื่องนี้ที่ผลิต และเอาไม้ GT200 มาขายนั้นถูกอังกฤษจับ ถูกยึดทรัพย์ และถูกตัดสินจำคุกไปตั้งปี 2556 แล้ว ตอนนี้พ้นโทษออกจากคุกมาเรียบร้อยแล้ว แต่ในเมืองไทยคนที่สั่งซื้อเพิ่งจะถูกป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาไปเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2564 นี้เอง

จึงทำให้เกิดคำถามสุดท้ายตามมาว่า เมื่อกระบวนการยุติธรรมของไทยล่าช้าเช่นนี้ มันเข้าข่าย “ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม” ใช่หรือไม่ ? ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยเราควรจะต้องรีบยกเครื่องกระบวนการยุติธรรม และองค์อิสระที่เกี่ยวข้องให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน มีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา และที่สำคัญจะต้องถูกตรวจสอบได้ เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ๆ ไม่ควรจะลอยตัวอยู่เหนือการถูกตรวจสอบ

คดีโตโยต้าหมื่นล้าน2
คดีโตโยต้าหมื่นล้าน2

[smartslider3 slider="9"]