AEC for happy family : สร้างวินัยและจิตสำนึกให้ลูกรับ AEC

0
472
AEC for happy family : สร้างวินัยและจิตสำนึกให้ลูกรับ AEC

AEC  for  Happy Family  กับ เกษมสันต์ (มีนาคม 2557)

สร้างวินัยและจิตสำนึกให้ลูกรับ  AEC

คุณแม่คุณพ่อหลายท่านคงได้รับรู้มาจากสื่อหลายๆสื่อบ้างแล้วนะครับว่าคุณภาพของนักเรียนนักศึกษาไทยนั้นค่อนข้างต่ำ คะแนนด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์รวมทั้งภาษาอังกฤษของเด็กไทยนั้นได้คะแนนต่ำกว่าเมื่อเปรียบ เทียบกับคะแนนของเด็กในประเทศกลุ่ม AEC ด้วยกันทั้งๆที่ประเทศไทยเราใช้งบประมาณในด้านการศึกษาสูง สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านด้วยซ้ำไป

ที่ชัดเจนที่สุดคือภาษาอังกฤษซึ่งไม่ว่าจะวัดโดยสถาบันใดก็ตามเด็กไทยเรามักจะได้คะแนนต่ำเกือบจะที่สุดใน  AEC ส่วนคะแนนเฉลี่ยในการสอบ TOEFL ของเด็กไทยนั้นต่ำสุดใน AEC เลยทีเดียว

ที่ระบบการศึกษาของประเทศไทยเรานั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิงผมคิดว่าเป็นเพราะกระทรวงศึกษาเราไม่เคยมีผู้ บริหารมืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาเข้ามาบริหารเลย ซ้ำร้ายกว่านั้นรัฐบาลแทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมายังขยัน เปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษากันซะเหลือเกิน เชื่อมั้ยครับว่าตั้งแต่ปี 2544 มาถึงปัจจุบัน ไทยเราเปลี่ยนรัฐมนตรี กระทรวงนี้ไปถึง 15 ครั้ง เฉลี่ยอยู่กันไม่ถึงคนละปีด้วยซ้ำไป

ผมเชื่อว่าการปฏิรูปการศึกษาจะต้องเป็นประเด็นหลักอันหนึ่งในการปฏิรูปประเทศที่เรากำลังจะทำกันในไม่ช้านี้ แม้ว่าการยกระดับคุณภาพของนักเรียนนักศึกษาที่จบออกมาจะทำได้ค่อนข้างยากแต่ผมว่าถ้าเราได้มือดีๆมาทำ ไทยเราจะสามารถยกระดับคุณภาพการศึกษาได้ภายใน 10 ปี

แต่ที่ผมว่ากังวลและอยากฝากให้คุณแม่คุณพ่อได้ช่วยกันดูแลลูกรักคือการสร้างวินัยและจิตสำนึกให้ลูกรักของเรากันครับ เพราะทุกประเทศที่พัฒนาประเทศได้เร็วกว่าไทยเราส่วนใหญ่คนของประเทศเหล่านั้นมักจะมีสองเรื่อง ที่คนไทยเรายังขาดกันอยู่มากคือการมีวินัยและจิตสำนึกครับ

ประเทศที่คนของเขามีวินัยและจิตสำนึกสูงมักจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว (กว่าเมืองไทย) บ้านเมืองจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ผู้คนนอกจากจะเคารพกฎหมายแล้ว ยังเคารพสิทธิของกันและกันอีกด้วย และที่สำคัญประเทศเหล่านั้นการคอร์รัปชั่นก็จะมีน้อยด้วย

ดูอย่างประเทศสวีเดนที่เป็นประเทศที่มีคอร์รัปชั่นน้อยที่สุดในโลกประเทศหนึ่งสิครับ มีครั้งหนึ่งผมไปเที่ยว เพื่อนชาวสวีดิชบอกตอนเย็นจะมารับไปทานเสต็กร้านเก่าแก่และดังมากของประเทศ พอถึงเวลานัดเพื่อนผม ก็นั่งแท็กซี่มารับผมที่โรงแรมแล้วพาไปทานเสต็กกัน เพื่อนผมบอกว่าคืนนี้ตั้งใจจะดื่มไวน์ดีๆกับผมก็เลยต้อง ขับรถไปเก็บที่บ้านก่อนเพราะไม่อยากจะดื่มแล้วขับ ที่น่าตกใจคือเพื่อนผมต้องขับรถกลับบ้านไปเกือบหนึ่ง ชั่วโมงแล้วก็นั่งแท็กซี่มารับผมอีกเกือบหนึ่งชั่วโมงเพราะบ้านไกลมาก ทานอาหารกันเสร็จก็ต้องนั่งแท็กซี่ กลับบ้านอีก แม้ว่าค่าแท็กซี่ไปกลับสองรอบจะแพงเกือบเท่าค่าเสต็กและไวน์ แต่เขาก็เต็มใจทำเพราะเขามีวินัย และเคารพ กฎหมาย เพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมก็เหมือนกันครับ ถ้าต้องดื่มเขาก็จะไม่ขับ

ประเด็นคือระบบการศึกษาบ้านเรานอกจากจะไม่สามารถผลิตลูกหลานของเราให้จบออกมาแบบมีความรู้สู้เพื่อนบ้านได้แล้ว ยังล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการสร้างวินัยและจิตสำนึกอีกด้วย ลองดูความยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบและมี กฎหมายแต่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกลัวและไม่มีใครทำตาม รวมทั้งเรื่องคอร์รัปชั่นที่มีให้เห็นกันทุกจุดเต็มเมือง ไปหมดสิครับ นี่แหล่ะครับผลของการที่ คนไทยเราไร้วินัยและไร้จิตสำนึก

สิงคโปร์ ประเทศที่เจริญที่สุดใน AEC แม้ว่าตอนที่แยกตัวจากมาเลเซียเมื่อปี พ.ศ. 2508 นั้น สิงคโปร์แทบจะ ไม่ทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลย น้ำดื่มยังต้องซื้อจากมาเลเซีย นายกฯสิงคโปร์สมัยนั้น คือนายลีกวนยิว บอกคน สิงคโปร์ว่าประเทศเราเป็นประเทศเล็กๆ  ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ถ้าจะอยู่รอดให้ได้ เราต้องพัฒนาคนของเรา ให้ดีที่สุดและทำประเทศให้โปร่งใสที่สุด

สิงคโปร์เขาทำได้นะครับ วันนี้สิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนไทยเรายังติดกับดัก ประเทศกำลังพัฒนาอยู่เลย วันนี้คนสิงคโปร์ 5 ล้านคนเศษๆ เขามีรายได้เฉลี่ยคนละ 1 ล้าน 5 แสนบาทเศษ ขณะที่เมืองไทยของเราคนมีรายได้เฉลี่ยคนละ  1 แสน  8 หมื่นบาทเท่านั้น

ทุกจุดที่เดินไปในสิงคโปร์ ถ้าสังเกตให้ดี รัฐบาลเขาจะสร้างวินัยและจิตสำนึกให้เด็กของเขาตลอดเวลา เช่น ตรงเขื่อนมาริน่าบารัค ที่กักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาบนเกาะสิงคโปร์ ในระหว่างทางเดินเข้าไปเยี่ยมชมจะมี นิทรรศการสร้างจิตสำนึกให้เด็กๆรู้คุณค่า ของน้ำ ซึ่งดูแล้วสนุก ทันสมัยแต่สร้างจิตสำนึกได้อย่างดี

เรื่องความคับแคบของพื้นที่ของประเทศ รัฐบาลเขาก็มีศูนย์นิทรรศการทันสมัยแสดงแนวคิดในการ จัดผังเมืองของสิงคโปร์ตั้งแต่อดีตไปจนถึงแผนในอนาคต  ผู้ใหญ่ที่เข้าไปชมผมรับรองว่าจะได้ความรู้ เรื่องผังเมือง อย่างมาก มีแบบจำลองทั้งเกาะสิงคโปร์ให้ดูด้วย ถ้าเด็กมาชมเขาก็จะมีเกมส์คอมพิวเตอร์ แบบอินเตอร์แอ็คทีฟให้ เรียนรู้และให้เล่น เด็กสิงคโปร์จะได้เรียนรู้ว่าสิงคโปร์นั้นเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ถ้าหนูอยากได้บ้านพื้นที่เยอะๆ หนูก็จะต้อง ไปลดพื้นที่โรงเรียน พื้นที่สวนสาธารณะและพื้นที่อื่นๆ เด็กๆก็จะพยายามจัดพื้นที่ส่วนต่างๆ ให้สมดุลมากที่สุด ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ขนาดไปเดินการ์เด้นท์บายเดอะเบย์ สวนคนสร้างที่สิงคโปร์สร้างเป็นโดมขนาดใหญ่แล้วเอาต้นไม้ดอกไม้ทั่วโลก มาจัดแต่งอย่างเก๋ไก๋เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สิงคโปร์เขาก็ยังไม่ลืมที่จะสร้างส่วนที่จะกระตุ้นจิตสำนึกเด็กของเขา ว่า ถ้าโลกร้อนขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น ตรงส่วนนี้นี่เขาจัดเป็นเธียร์เตอร์สมัยใหม่ ไฮเทคจ๋าเลยครับ แล้วแสดง ให้เด็กๆดูว่าทุกๆ 0.5 องศาที่โลกร้อนขึ้น ต้นไม้ใบหญ้าและบรยากาศในสิงคโปร์และโลกจะเป็นอย่างไร ดูแล้วเด็กๆจะรู้เลยว่าเรื่องโลกร้อนน่ะน่ากลัวมาก ทุกคนต้องช่วยกัน

ผมแกล้งถามเพื่อนสิงคโปร์ว่าแล้วเรื่อง AEC ล่ะ สิงคโปร์สร้างจิตสำนึกเด็กยังไง? ตอนถามผมก็คิดในใจ ว่าคงตอบยากล่ะจะทำให้เด็กๆมีจิตสำนึกเรื่องนี้ แต่เพื่อนสิงคโปร์ตอบหน้าตาเฉยว่าเรื่อง AEC คงไม่มีอะไรพิเศษ เพราะ สิงคโปร์ก้าวข้าม AEC ไปแล้ว (เจ็บดอกที่ 1) แล้วเพื่อนก็บอกต่อว่าแต่สิงคโปร์สร้างจิตสำนึกให้เด็กๆรู้ว่า “การเจรจาการค้าเสรี” สำคัญอย่างไรกับสิงคโปร์ ด้วยการเอาผลผลิตของประเทศต่างๆมาแสดงให้เด็กๆ ได้ดูว่า ประเทศไหน ผลิตอะไรได้บ้าง เพื่อให้เด็กรู้ว่าต้องเตรียมตัวค้าขายกับประเทศไหนบ้างและสร้างจิตสำนึกรู้ว่า ประเทศของเขาไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นจึงผลิตอะไรกับเขาไม่ได้ จึงต้องทำประเทศให้เป็นศูนย์กลาง การค้าขายให้ได้ด้วยการไปเร่งเจรจาการค้าเสรีกับทั่วโลก (เจ็บดอกที่ 2 ดอกนี้ถึงกับจุก) และตอนนี้สิงคโปร์ก็เป็น ประเทศที่มีการเจรจาการค้าเสรีมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งครับ

ในกระบวนการเรียนการสอนของสิงคโปร์นั้นก็ได้พยายามที่จะสร้างวินัยและจิตสำนึกให้กับเด็กของเขาตลอด เวลาทั้งในและนอกห้องเรียน ทุกจุดที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้วนั้น เวลาผมไปเยี่ยมชมผมก็จะเห็นโรงเรียนพาเด็กๆ มาเยี่ยมชมเพื่อสร้างวินัยและจิตสำนึกกันเต็มไปหมด

ฉบับหน้าผมจะมาเขียนต่อว่าแล้วถ้ารัฐบาลไทยยังละเลยการสร้างวินัยและจิตสำนึกแบบนี้ คุณแม่คุณพ่อจะช่วยสร้างให้ลูกรักของเราได้อย่างไรนะครับ

[smartslider3 slider="9"]